รีวิวการ์ตูน ดิจิมอนแอดเวนเจอร์
ดิจิมอนแอดเวนเจอร์ (ญี่ปุ่น: デジモンアドベンチャー; โรมาจิ: Dejimonadobenchā; ทับศัพท์: ทับศัพท์จาก Digimon Adventure) เป็น การ์ตูนอนิเมะ โทรทัศน์จากประเทศญี่ปุ่น ในชุดภาพยนตร์การ์ตูนโทรทัศน์ดิจิตอลมอนสเตอร์ ออกอากาศครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นเมื่อเมื่อ มีนาคม พ.ศ. 2542 ดิจิมอนแอดเวนเจอร์เป็นภาคแรก ซึ่งมีภาคต่อมาคือ ดิจิมอนแอดเวนเจอร์ 02 ดิจิมอนเทมเมอร์ ดิจิมอนฟรอนเทียร์ , ดิจิมอนเซฟเวอร์ส และ ดิจิมอนครอสวอร์ส แล้วในงานฉลองครบรอบ 15 ปี ดิจิมอน ในวันที่ 1 สิงหาคม 2557 ทางญี่ปุ่นได้ประกาศว่า ดิจิมอนแอดเวนเจอร์ ไทร จะฉายช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปี 2558 เว็บดูอนิเมะ,ดูอนิเมะ
เนื้อเรื่อง
วันที่ 1 สิงหาคม ปี 1999 โลกทั้งโลกเกิดความแปรปรวนทางสภาพอากาศ ประเทศที่เป็นฤดูหนาวกลับแห้งแล้ง ประเทศที่เป็นฤดูแล้งกลับน้ำท่วม ในระหว่างที่ไทจิ และเพื่อนๆในโรงเรียนกำลังตั้งค่ายฤดูร้อนกันอยู่นั้นเอง ก็เกิดพายุหิมะถล่มค่าย หลังจากสิ้นเสียงพายุก็ได้เกิดมีวัตถุประหลาดหล่นลงมาจากฟากฟ้า เป็นเครื่องมือแปลก ๆ ที่ไม่คุ้นตา จากนั้นพวกเขาก็โดนดูดไปยังโลกดิจิตอล เพื่อปราบเหล่าร้ายที่กำลังทำให้ดิจิตอลเวิลด์ปั่นป่วน
ครบรอบ 20 ปี ของอนิเมะเรื่องนี้
ผลงานฉลองครบรอบ 20 ปี ของอนิเมชั่นที่อยู่ในความทรงจำของพวกเราตลอดกาล ดิจิม่อน ที่เดอะมูฟวี่ภาคนี้นอกจากฉลองแล้วยังทำมาเพื่อเป็นจุดสิ้นสุดของการผจญภัยที่มีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ Digimon Adventure เมื่อปี 1999 พวกไทจิ ยามาโตะ เขาเติบโตขึ้นมาพร้อมกัน เรื่องราวในภาคนี้จะอยู่ในช่วงที่พวกเขาเริ่มจะเป็นผู้ใหญ่ อยู่ในช่วงวัยมหาลัย แต่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อเด็กที่ถูกเลือกต่างทยอยกันล้มป่วยและหมดสติโดยมีดิจิม่อนลึกลับอยู่เบื้องหลัง ทำให้พวกเขาต้องกลับมาต่อสู้ และพัฒนาร่างอีกครั้ง
ตอบคำถามแรกคือบางคนอาจจะบอกว่ามันไม่จำเป็นที่ต้องดูมาก่อนก็ดูได้ แต่ผมใช้คำว่ามันต้องดู Digimon Adventure 01-02-Tri มาก่อนเพื่อเก็บโมเมนต์ของหนังแบบเต็ม ๆ เพราะเราต้องยอมรับเลยว่า Last Evolution Kizuna ทำมาบอกเล่าเรื่องราวให้กับแฟน ๆ ของดิจิม่อนในสัดส่วนที่มากกว่าแน่นอน คือถ้าเราไม่ดูมันจะไม่มีความผูกพันธ์ มันจะไม่เก็ตหลายสิ่งเลยที่หนังพยายามจะสื่อ ไหนจะ Easter Eggs ที่ใส่มาในหนังตลอดทั้งเรื่อง ฉะนั้นสำคัญมาก จริง ๆ แล้วตัวหนังมีปัญหาในจังหวะของการเล่าเรื่องหลายจุดเหมือนกันนะ แต่ก็คิดว่ามันเป็นเพราะเขาตั้งใจที่จะเล่าในแบบนี้ แบบนี้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์แบบที่เขาต้องการด้วย เลยต้องบอกว่ามันต้องเป็นแฟนจริง ๆ เพราะภาคนี้ผมว่ามันไม่ใช่หนังดูเอามันส์หรือดูสนุกได้เลย มันเป็นเหมือนงานมิตติ้งอำลาของเด็กที่ถูกเลือกที่โตมาด้วยกันมากกว่า ดิจิมอน ทั้งหมด
รีวิวการ์ตูน ดิจิมอนแอดเวนเจอร์
เราคาดหวังอะไรได้บ้าง แน่นอนครับว่าถ้าคุณดูตัวอย่างแล้วน่าจะพอจับทางของหนังได้มากประมาณนึง มันค่อนข้าง impact ในระดับนึงเลยครับ ผมประทับใจไปกับทางเลือกที่หนังเลือกลงมากเพราะมันเซอร์ไพร์สผมมากเลยทีเดียว แต่ที่สำคัญมากคือความคิดถึงที่เรามีผมไม่รู้ว่าหนังจะทำให้เราหายคิดถึง Digimon หรือจะทำให้เราคิดถึงมากกว่าเดิมกันแน่ เพราะเหมือน 100 นาทีของหนังมันไม่พอเลย ในการทำให้เราหายคิดถึงทั้งเด็กที่ถูกเลือกและดิจิม่อนคู่หู (แต่ถ้าไม่หายตอนนี้ ดิจิม่อนทุกภาค เขา reboot ใหม่แล้วนะ ไปดูกันต่อได้ ร้ายจริง ๆ) ไหนจะเพลงประกอบอย่าง Butterfly / Brave Heart ที่มากระทุ้งหัวใจเราอีกครั้งอีกขนลุกมาก ฉากต่อสู้ก็ทำได้ดีตามมาตรฐานของ Digimon ที่มาพร้อมกับภาพที่สวยงามและคมมากยิ่งขึ้น
โดยรวมแล้วนี่อาจจะไม่ใช่หนังอนิเมชั่นเดอะมูฟวี่ที่สมบูรณ์แบบ แต่มันมีคุณค่ามากสำหรับใครก็ตามที่เป็นคนรักดิจิม่อน เพราะเขาคิดมาทุกอย่างแล้วเพื่อมาให้แฟนดิจิม่อนได้อินได้รู้สึกไปกับหนัง สนุกไปกับหนัง แถมประเด็นที่หนังเล่นมันก็ค่อนข้างน่าสนใจและมีการเติบโตไปตามวัยของคนดูด้วย ถ้าคุณเป็นแฟนดิจิม่อนหรือรู้จักอากูม่อน กาบูม่อน ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ
Digimon คือหนึ่งในการ์ตูนไม่กี่เรื่องที่เราได้ติดตามดูมาตั้งแต่วัยเด็กและชื่นชอบ พวก One Piece, Naruto อะไรไม่เคยดูเลยจริงๆ เราถึงกับซื้อเทปเพลงการ์ตูนนี้เปิดฟังทุกเช้าตอนไปเรียน กรอแล้วกรออีกตอนอยู่บ้าน พูดได้เลยว่า Digimon เหมือนเป็นเพื่อนคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ และเป็นเพื่อนที่สร้างความทรงจำ เรื่องราวการผจญภัย ความสนุกเอาไว้อย่างมากมาย
รีวิวการ์ตูน ดิจิมอนแอดเวนเจอร์
Digimon Adventure Last Evolution Kizuna คือการกลับมาของเพื่อนในแบบฉบับหนังความยาวประมาณชั่วโมงครึ่ง กับเรื่องราวของกลุ่มเด็กที่ถูกเลือกและคู่หูดิจิมอนต้องมาเผชิญหน้ากับดิจิมอนตัวใหม่ที่ขโมยสติสัมปชัญญะของเด็กที่ถูกเลือก แต่อีกปัญหาหนึ่งทางฝั่งกลุ่มเด็กก็ได้เริ่มเติบโตจนเป็นผู้ใหญ่ โดยหารู้ไม่ว่า เมื่อโตขึ้นสายสัมพันธ์ของตัวเด็กและดิจิมอนจะจบลง
การได้มาดูหนังเรื่องนี้ก็เหมือนได้กลับมาเจอเพื่อนเก่า ได้มีโมเมนท์ที่ชวนคิดถึง ดิจิมอนที่เราคุ้นหน้าคุ้นตา เหล่าเด็กๆ ที่เติบโตขึ้นไปพร้อมกับเรา ทุกอย่างล้วนกลับมาทำให้ความทรงจำของเราชัดเจนขึ้นอีกครั้ง ยิ่งฉากเปิดเพลงขึ้นนี่นั่งยิ้มมาเลย
แต่เนื้อเรื่องโดยรวมกลับธรรมดาอย่างน่าเสียดาย ด้วยความที่หนังมีเวลาเล่าน้อยมาก กับการที่จะตัดจบบทสรุปเรื่องราวการผจญภัยของตัวละครหลักเลยทำออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร ถามว่าซึ้งมั้ย ก็ซึ้งนะ บางฉากนี่มีน้ำตาซึมเลยแหละ แต่ในตอนท้าย มันไม่บิวท์อารมณ์เท่าไหร่ และมันก็ไม่มีจุดอิปิกในตอนจบที่แบบเหยดดดด ไม่กินใจเท่าที่ควรด้วย อีกอย่าง หนังมีการแบ่งบทตัวละครที่ไม่ค่อยดีเอาเสียเลย แต่ก็เข้าใจได้ว่าอยากเน้นเพียงตัวละครหลัก แต่ก็อดเสียดายเหล่าดิจิมอนและเด็กที่ถูกเลือกคนอื่นๆ จริงๆ และอีกอย่างคือฉากการพัฒนาร่าง ทั้งเรื่องเราเห็นแค่ “อากูม่อน เปลี่ยนร่างเป็น…” ส่วนตัวอื่นคือเห็นตอนแปลงไปแล้ว ถึงแม้มันจะไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น แต่มันก็คงจะดีถ้าได้เห็นฉากเหล่านั้นหรือประโยคนี้จากตัวละครอื่นๆ บ้าง
แต่ในความธรรมดานั้น คีย์หลักของหนังที่ต้องการจะสื่อก็ชัดเจนอยู่ มันคือการเติบโตของเหล่าเด็กผู้ถูกเลือก แล้ววันนึงดิจิมอนจะหายไป เป็นการสื่อสารถึงคนดูที่เติบโตมาพร้อมๆ กับตัวละครว่า Move on ได้แล้วนะ เราต้องใช้ชีวิตต่อไป ปล่อยให้เรื่องราวของดิจิมอนเลือนหายไป เป็นความทรงจำที่งดงามไว้นั่นแหละ ซึ่งแน่นอนว่าการ์ตูนเรื่องนี้เหมาะกับเด็กที่เติบโตมาพร้อมกับเหล่าดิจิมอนจริงๆ
ชอบสารอีกอย่างนึงของเรื่องที่เหล่าเด็กผู้ถูกเลือกเฝ้าดูการพัฒนาการ (Revolution) มาโดยตลอด เติบโตขึ้นมาพร้อมๆ กันกับเด็ก แต่โดยตลอดมาเหล่าดิจิมอนก็ได้มองเห็นการพัฒนาการ (Revolution) ของเหล่าเด็กๆ เช่นกัน และฉากที่อากูม่อนบอกไทจิว่า…”นายโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ” ถึงเป็นแค่ประโยคสั้นๆ แต่กินใจเหลือเกิน ดู ดิ จิ มอน แอด เวน เจอร์ 2
จริงๆ เราก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่ก็ไม่ได้ผิดหวังอะไรกับมันสักเท่าไหร่ เพียงแต่ว่าเสียดายก็เท่านั้น การดู Digimon Adventure Last Evolution Kizuna ในครั้งนี้มันนี้คือการ “บอกลาเพื่อนในวัยเด็ก”
ความรู้สึกหลังดู
ถ้าดูจากตัวอย่างมาก่อนก็จะพอเดาๆได้แล้วว่าตอนสุดท้ายจะออกมาในรูปแบบไหนซึ่งก็ได้ทำให้หลายๆคนมีน้ำตาซึมกันพอกรุบกริบไปบ้างแล้วแต่พอมาเจอในหนังเข้าจริงๆ น้ำตาแตกยิ่งกว่าอะไรดี ส่วนเนื้อเรื่อง เชื่อมกับภาค Adventure, 02 และ Tri. ออกมาได้อย่างลงตัว แถมมีตัวละครจากภาค Tri. โผล่มาแว้บนึง แต่แค่ตอนจบจะต่างออกไปจากภาค 02 ในส่วนของแก๊ง 02 ก็คือจอยมาก ขายขำมาก โดยเฉพาะไดสึเกะกับมิยาโกะ พวกหนูใส่ถ่านมากี่ก้อนกันลูก…
ช่วงต้นของเรื่องให้ความรู้สึกเหมือนเราได้กลับมาเจอเพื่อนเก่าในสมัยเด็กที่ตอนนี้ก็ได้โตขึ้นไม่ต่างจากเราเลย (ให้ฟีลลิ่งงานเลี้ยงรุ่นมาก) เสียงเพลง Butter-fly และ Brave Heart ยังคงเรียกน้ำตาและสร้างความรู้สึกที่ชวนขนลุกได้สมกับเป็นเพลงในตำนานอยู่เหมือนเดิม เหล่าเด็กที่ถูกเลือกก็ต่างเติบโตไปตามเส้นทางของตัวเอง จนยากที่จะกลับมาอยู่ครบ 8 คน ได้อีกครั้งเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งพ้อยต์ตรงนี้ถือว่าสะท้อนความเป็นจริงได้ดีมาก อย่างที่ยามาโตะได้พูดไว้ในตัวอย่างว่า “จะให้เหมือนเมื่อก่อนไปตลอดไม่ได้หรอกนะ สักวันหนึ่งเราก็ต้องแยกทางกับเพื่อน” ทั้งๆ ที่มันเป็้นประโยคที่ตัวละครคุยกันเอง แต่มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าตัวละครกำลังคุยกับเราอยู่ด้วยเลยอย่างงั้น
ในช่วงฉากต่อสู้ครั้งสุดท้าย เพลงที่ขึ้นอาจจะไม่ใช่เพลง Brave Heart อย่างที่ควรจะเป็น แต่กลับถูกแทนที่ด้วยเพลง Theme Song ประจำเรื่องอย่างเพลง Sono Saki e แทน (ขอยืมคำพูดของรุ่นพี่คนนึงที่ได้กล่าวไว้ว่า) พอถึงจุดนั้นเราอาจจะไม่ต้องการ “หัวใจที่กล้าแกร่ง” แล้วก็ได้ ซึ่งเพลงใหม่ที่ใส่มาคือ “หลังจาก(จุด)นั้น…” ต่อให้เราฟังภาษาญี่ปุ่นไม่ออก ก็ถึงกับน้ำตาซึมได้ เพราะว่าจะมีท่อนหนึ่งในเพลงที่ร้องว่า “Wish you to stand by me” และ “Wish I can stand by you” อยู่ ซึ่งเราคิดว่าเป็นประโยคที่แทนใจระหว่างสายสัมพันธ์ของเหล่าเด็กที่ถูกเลือกกับดิจิม่อนคู่หูเอามากๆ ชวนให้เปียกปอนจริงๆ ดิจิมอน ทุกตอน