รีวิวดิสนีย์ moana
โมอาน่า เจ้าหญิงที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเจ้าหญิงดิสนีย์ เป็น การ์ตูนดิสนีย์ที่น่ารัก ทั้งเนื้อเรื่องและเพลงประกอบทำให้เราประทับใจและรักอย่างสุดซึ้ง ด้วยความตื่นเต้นเรื่องราวเศร้าของโมอาน่าและคุณยายของเธอ
เรื่องย่อ
เรื่องย่อ : ว่าด้วยเรื่องราวการผจญภัยเมื่อสามพันปีก่อน ในแถบทะเลแปซิฟิกตอนใต้แห่งโอเชียเนีย ของ โมอานา นักเดินสาวทางทะเล วัย 16 ปี ที่ท่องเที่ยวไปยังหมู่เกาะต่างๆ เพื่อตามหาเกาะที่สาบสูญในตำนาน สานฝันให้ผู้เป็นพ่อ ร่วมกับ มาวอิ บุรุษครึ่งเทพ พร้อมกับเสบียง เอ้ย! เพื่อนๆ ตัวน้อยของพวกเขา อย่าง เจ้ไก่ โดยระหว่างการเดินทาง ทั้งหมดก็ต้องฟันฝ่าอันตรายท่ามกลางหมู่เกาะน้อยใหญ่ที่ต่างแฝงไปด้วยความลึกลับ พร้อมกับเผชิญหน้ากับสรรพสัตว์แห่งท้องทะเลลึก
โมอาน่า ลูกสาวและทายาทของหัวหน้าเกาะแห่งโมทุนุยที่ได้รับการคัดเลือกจากท้องทะเลให้เป็นผู้ที่จะนำหัวใจสีเขียวไปคืน มีทาลา หรือคุณย่า เป็นผู้ดูแลและภายในถ้ำของทาลามีเรือมหัศจรรย์ที่พร้อมให้หลานสาวออกผจญภัย ซึ่งเป็นหินลึกลับมีขนาดเป็นรูปหัวใจที่ถูกมาวอิขโมยไป มาวอิคือคนลักษณะตัวใหญ่เหมือนยักษ์ครึ่งเทพตัวใหญ่น่ากลัว โมอาน่าจึงมีหน้าที่ออกผจญภัยตามหาหินสีเขียวนี้กลับคืนมาแห่งหมู่เกาะโมทุนุย
โมอาน่าได้ออกเดินทางข้ามมหาสมุทรไปตัวคนเดียวเป็นเจ้าหญิงที่เเข็งแกร่งพร้อมที่จะกลับมาช่วยเหลือหมู่เกาะของตัวเอง เธอมีความพยายามและมุ่งมั่นนึกถึงคำสอนของทาลาเสมอ ออกตามหามาวอิที่ขโมยหัวใจสีเขียวไป ด้วยความไม่ย่อท้อ ต้องเจอกับอุปสรรคบ้างแต่เธอไม่เคยละทิ้งความพยายาม เว็บดูอนิเมะ,ดูอนิเมะ
ส่วนโจรสลัดมะพร้าวที่มีชื่อเรียกว่า กากาโมร่า ได้ขโมยหัวใจสีเขียวไประหว่างที่โมอาน่าและมาวอิได้ช่วยกัน ทั้งสองจึงตั้งเปลี่ยนแผนและตามล่าหาหัวใจกลับคืนมาให้ได้ แต่มาวอิและโมอาน่าก็ได้ทำสำเร็จ โดยสามารถนำมันกลับคืนมาได้
บทวิจารณ์
ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าภาพยนตร์เรื่อง moana เนื้อเพลงไทย ผจญภัยตำนานหมู่เกาะทะเลใต้ สามารถเป็นหน้าเป็นตาของการ์ตูน Disney ได้ไม่ยาก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นกระแสที่ฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมืองเหมือน Frozen แต่ก็ยังรักษามาตรฐานการทำงานเอาไว้ได้เป็นอย่างดี แต่เพียงเนื้อหาของเรื่อง มันช่างดูไกลตัว และตัวละครหลักอาจจะไม่ได้เป็นคาแรคเตอร์ที่เด็กๆ หลงใหลสักเท่าไหร่ แต่ถ้าจะให้พูดว่าทำออกมาแย่ล่ะก็
เราไม่ขอพูดเช่นนั้น เพราะ Moana โมอาน่า ผจญภัยตำนานหมู่เกาะทะเลใต้ ให้แง่คิดอะไรกับเราหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการที่เราควรจะเดินทางตามหาความฝัน ก้าวข้ามผ่านอุปสรรคแม้จะยากลำบาก ยอมรับในความเป็นตัวขอตัวเอง รู้จักเสียสละ กล้าที่จะเปิดใจให้คนอื่น เพราะบางที คนที่ดูดุร้ายและเกรี้ยวกราด ครั้งหนึ่ง เขาอาจจะเคยเป็นคนที่ดีมากๆ มาก่อน เพียงแต่ความโหดร้ายของชีวิตนั้นเข้ามาบีบคั้น และทำให้เขากลับกลายเป็นคนไม่ดี แต่ในที่สุด เมื่อเขาได้เจอกับคนดีๆ อีกครั้ง นั่นย่อมทำให้เขายอมเปิดหัวใจ ยอมที่จะเสี่ยงเป็นคนดีเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา
เทคนิคพิเศษที่ทำผ่าน Computer Graphic ก็ทำออกมาได้ลื่นไหลเลยทีเดียว แต่ดูแล้วภาพยนตร์เรื่อง Moana โมอาน่า ผจญภัยตำนานหมู่เกาะทะเลใต้ ทำให้คิดถึงการ์ตูนเรื่องอื่นๆ ซ้อนขึ้นมาเหมือนเป็นเดจาวู ไม่ว่าจะเป็น Lilo and Stitich, Pocahontas, Finding Nemo และ Finding Dori นี่ก็อาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่โดดเด่นเท่าที่ควร เพราะบางฉากบางตอน มันซ้ำกับภาพเดิมๆ ของการ์ตูนที่มีอยู่ในท้องตลาดอยู่แล้วนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์เรื่อง Moana โมอาน่า ผจญภัยตำนานหมู่เกาะทะเลใต้ ก็ทำให้เราประทับใจได้ไม่น้อย จนไม่ยอมลุกออกไปเข้าห้องน้ำ ถึงแม้อากาศจะเย็น และหนังก็ยาวเกือบ 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว
รีวิวดิสนีย์ moana
แนวคิดของเรื่องนี้คือโมอาน่ากำลังทำงานอยู่ เจ้าหญิงตัวน้อย แต่เธอทรงพลังและรู้วิธีจัดการและแก้ปัญหา ขอขอบคุณล่วงหน้าและรู้จักผู้ที่ทำให้เกาะแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ดีขึ้นและช่วยชีวิตผู้คนบนเกาะ ความประทับใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ไป 9/10 ทั้งน่าตื่นเต้นและผจญภัย เพลงพื้นหลังก็ดี ไม่ผิดหวังครับ หวังว่าทุกท่านคงได้ชมนะครับ
เป็นชื่อที่เคยคุ้นและหายไปจากความสนใจผู้ชมอนิเมชั่นนานมากๆทั้ง Ron Clements และ John Musker สองคู่หูที่ร่วมผลิตหนังอนิเมชั่นกับดิสนี่ย์มายาวนานตั้งแต่สมัยหนังยุควาดมือ ซึ่งถ้าพูดถึงผลงานของทั้งคู่ก็เป็นระดับคลาสสิกทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น The Little Mermaid (1989) Aladdin (1992) หรือ Hercules (1997) และแม้ว่า The Princess and the Frog (2009) เวอร์ชั่นเจ้าหญิงผิวสีจะนับเป็นผลงานชิ้นหลังสุดของพวกเขา ซึ่งจะว่ากันไปก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จนักดูจากการที่หนังขาดทุนในบ้านตัวเอง ทั้งยังเป็นหนังตระกูลเจ้าหญิงเรื่องสุดท้ายก่อนดิสนี่ย์จะยุติการทำหนังอนิเมชั่นวาดมือด้วย เหมือนเป็นสัญญาณบ่งบอกอะไรหลายๆอย่างว่าถึงจุดสิ้นสุดกับการคิดงานแบบเดิมของทั้งคู่แล้ว
อาจเป็นโชคดีของทั้งคู่ด้วยที่โปรเจคท์ดัดแปลงหนังสือเรื่องถัดไปที่พวกเขาจะสร้าง เกิดติดปัญหาด้านลิขสิทธิ์ทำให้โปรเจคท์ล่มไป สำหรับคนที่อายุมากและมีผลงานใหญ่ๆในอดีตมาแล้วอาจมองว่านี่เป็นจังหวะที่ควรจะยอมแพ้และพักผ่อนเสียที แต่รอนและจอห์นเลือกจะกลับมาอีกครั้ง แถมมาพร้อมด้วยไอเดียสำหรับงานชิ้นต่อไปที่คิดใหม่หมดเพื่อจะได้ไม่เจอปัญหาเดิมๆเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ ที่สำคัญพวกเขาพกมาให้สตูดิโอถึง 3 ไอเดียเลยทีเดียว ความตั้งใจนี้เองมั้งที่ทำให้ Osnat Shurer รองประธานฝ่ายพัฒนาของดิสนี่ย์อนิเมชั่นสตูดิโอลงมาเป็นโปรดิวเซอร์ให้เป็นครั้งแรกด้วยตนเองเลยทีเดียว
ด้วยความที่ทั้งคู่มาจากหนังยุควาดมือ การมาทำหนังแบบดิจิตอล 3D ที่เป็นอนิเมชั่นสายหลักของสตูดิโอในปัจจุบันอาจเป็นเรื่องต้องตั้งตัวไกลไป พวกเขาจึงได้ผู้กำกับฝีมือดีที่ผ่านงานมาหลายเรื่องอย่าง Don Hall และ Chris Williams จาก Big Hero 6 (2014) มาช่วยกำกับร่วมด้วย นอกจากนี้ยังได้ Jared Bush มือเขียนบทที่เพิ่งมีผลงานทั้งเขียนบทและกำกับร่วมในหนังม้ามืดของสตูดิโอเมื่อต้นปีอย่าง Zootopia (2016) มาทำหน้าที่เขียนบทหนังจากไอเดียของสองเสือเฒ่าด้วย นั่นทำให้ปีนี้ดิสนี่ย์มีหนังตัวเต็งออสการ์สาขานี้เข้าชิงถึงสองเรื่องทีเดียว และน่าแปลกด้วยที่ทั้งสองเรื่องพูดประเด็นบางอย่างคล้ายๆกัน เรื่องแรกคือ Zootopia และอีกเรื่องก็คือ Moana เรื่องนี้นี่เองครับ
รีวิวดิสนีย์ moana
โม อา น่า ตอน ที่ 1 นำตำนานเรื่อง มาวอิ (Maui) ครึ่งเทพครึ่งมนุษย์ที่แพร่หลายในกลุ่มประเทศทางแปซิฟิกใต้มาเป็นฐาน และเล่าเรื่องราวของ โมอาน่า เด็กสาวที่เกิดมาเป็นลูกหัวหน้าเผ่าของเกาะแห่งหนึ่ง ซึ่งเธอมีโชคชะตาที่ได้รับเลือกจากมหาสมุทรให้ออกไปทำภารกิจสำคัญในการพา มาวอิ ไปคืนหัวใจแห่งชีวิตและพิชิตปีศาจร้ายขนาดยักษ์ที่พ่นลาวาออกมาตลอดเวลา ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยเหลือโลกที่กำลังถูกความตายสีดำรุกกินก่อนที่ทุกอย่างบนโลกจะตายเสียหมด
ระหว่างทางก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลยเพราะอุปสรรคมีตั้งแต่พ่อของเธอที่ไม่ยอมให้โมอาน่าออกทะเลเพราะความเป็นห่วง มาวอิที่มีนิสัยไม่เหมือนอย่างที่ได้ยินมาในตำนานสักนิด และส่วนสำคัญเลยคือความเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวโมอาน่าเองเป็น หรือคือการตามหาตัวตนของตัวละครเอกนั่นเองที่เป็นหัวใจหลักของเนื้อหาสุดยิ่งใหญ่เรื่องนี้
หนังมีการผสมหลายสูตรของดิสนี่ย์มาตั้งแต่ รูปแบบการเล่าที่ทำให้นึกถึงผลงานสุดเปรี้ยงตระกูลเจ้าหญิงดิสนี่ย์เรื่องล่าสุดอย่าง Frozen (2013) ทั้งการนำผู้หญิงมาเป็นตัวเอกโดยไม่มีเรื่องความรักมาเป็นแกนหลัก แต่เป็นเรื่องคุณค่าที่แท้จริงของตนเอง นี่ยังรวมไปถึงกลิ่นอายเพลงร้องต่างๆในเรื่อง ยิ่งเพลงขายอย่าง How Far I’ll Go ที่ชวนให้นึกถึงเพลงฮิตอย่าง Let It Go เหลือเกิน moana ภาษาอังกฤษ
นอกจากนั้นยังเป็นการผสมสูตรความสำเร็จเดิมของรอนและจอห์นมาใช้ด้วย ไม่ว่าจะฉากท้องทะเลเป็นพื้นหลังของเรื่องแบบใน ลิตเติ้ลเมอร์เมด เจ้าหญิงดิสนี่ย์ที่ไม่ใช่ฝรั่งผิวขาวแต่คมเข้มสวยตาโตไม่เป็นอาหมวยอย่างใน มู่หลานและโพคาฮอนทัส ที่ทำให้นึกถึง อาลาดิน และวีรบุรุษกล้ามใหญ่ผู้ห้าวหาญที่ชวนนึกถึง เฮอร์คิวลิส ทั้งยังมีการใช้เทคนิคอนิเมชั่นมือวาดแบบดั้งเดิมมาผสมในหนังด้วยในฉากรอยสักของมาวอิที่คอยตอบโต้ไปมากับมาวอิตลอดเวลา ก็ทำให้เรื่องดูคอกเทลสูตรใหม่ได้เหมือนกัน
ความงดงามด้านภาพนี่อลังมากไม่สงสัยแล้วครับ ทั้งคน ธรรมชาติ น้ำ แสง คือสวยมากสมจริงมาก ดูเอนด์เครดิตเห็นว่ามีทีมด้านภาพของน้ำและเส้นผมโดยเฉพาะเลยด้วย นับว่าเป็นความใส่ใจในรายละเอียดที่ดีเลยครับ
แวะเล่าเกร็ดหนังนิดหน่อยครับ พูดถึงเจ้าเฮย์เฮย์แล้วก็ต้องเล่าว่า ตัวละครนี้เป็นคามิโอของสองผู้กำกับที่มักเอาตัวเองเป็นคาแรกเตอร์สัตว์มาโผล่ในเรื่องประจำ แต่ในหนังก่อนๆมักแค่โผล่มานิดๆหน่อยๆ แต่เรื่องนี้นี่มาแบบมีบทแทบตลอดเรื่องเลย ส่วนอีกตัวหนึ่งที่แทนผู้กำกับอีกคนก็คือเจ้าหมูพอลที่น่ารักน่าชังเหมือนกัน เสียดายว่าหากใส่มาตลอดเรื่องอีกตัวคงเฉลี่ยบทกันไม่พอก็เลยมาแจมแค่ต้นกับท้ายเรื่องเท่านั้นครับ
ส่วนที่ชอบเป็นพิเศษคือการที่คนทำพยายามแกล้งคนดูให้เหวอตลอดเวลาครับ เหวอในที่นี้คือผิดความคาดหมาย เช่นฉากที่นางเอกจะสวยๆ เท่ๆ ก็อาจโดนขัดแบบตลกๆ ได้ หรือการผจญภัยในฐานะผู้ถูกเลือกก็ไม่ได้สะดวกโยธินอะไรเลยครับ ยิ่งช่วงต้นที่ออกเรือครั้งแรกแล้วเจอคลื่นซัดนี่ดูสมจริงน่ากลัวมากๆ คือถึงแม้หนังจะมีองค์ประกอบแบบแฟนตาซีเยอะมาก แต่ส่วนที่เรียลสุดๆก็ผสมอยู่ได้อย่างลงตัวและทำให้เรื่องคาดเดายากขึ้นด้วยครับ สนุกมากจริงๆ
สรุป
สรุป : moana พากย์ไทย ไม่มีโฆษณา ผจญภัยตำนานหมู่เกาะทะเลใต้ เป็นภาพยนตร์การ์ตูนอนิเมชั่นที่ดูได้ทุกวัย ไม่มีฉากไหนที่ดูรุนแรง กราฟความสนุกของเรื่องทำได้ดี ตอนจบไม่รีบตัดตอนจนเสียบรรยากาศ เราคิดว่า Moana โมอาน่า ผจญภัยตำนานหมู่เกาะทะเลใต้ เหมาะที่จะเป็นหนังที่ดูในช่วงวันหยุดยาวร่วมกับครอบครัวในช่วงอากาศหนาวๆ แบบนี้ เพราะมันจะทำให้ความรักความสัมพันธ์ของคุณอบอุ่นขึ้นอย่างแน่นอน และตัวภาพยนตร์ยังมีแง่คิดสอดแทรกเข้ามาแบบไม่ได้ยัดเยียดเนื้อหาตลอดทั้งเรื่องอีกด้วย
ด้านเนื้อหา พูดถึงความหลากหลายและการยอมรับตนเอง ก็มีบางแง่มุมที่นึกถึงซูโทเปียเช่นกัน ก็นับว่าถ้ากระแสออสการ์ปีนี้เป็นไปในทางต่อต้านขวาจัดแบบทรัมป์มาแรง หนังอนิเมชั่นสองเรื่องนี้ก็มีสิทธิ์เป็นตัวเลือกเบอร์หนึ่งของคณะกรรมการออสการ์ได้เลยครับ
ความสนุก หนังมีกราฟอารมณ์ที่ลื่นไหลดีเลยครับ เส้นเรื่องมีสิ่งที่ชวนให้สนใจติดตามตลอดเวลา พอแล่นเรือเบื่อๆก็จะมีโจรสลัดแสนน่ารักออกมา หรือการตามหาอาวุธวิเศษก็ทำให้เจอตัวละครพิเศษที่น่าสนใจด้วย ยิ่งการสรุปแบบมีหักมุมเล็กๆในตอนท้ายก็ส่งเสริมกับเรื่องราวที่ปูมาได้อย่างดีครับ ตบจบทุกปมที่ตั้งมาได้หมดไม่คาใจ มุกตลกก็มีมาแบบเรื่อยๆ ไม่ยั้งเหมือนกัน ทั้งจากมาวอิ และตัวประกอบอื่นๆ ที่เปี่ยมสีสันมากๆ และที่ขโมยซีนสุดๆ คงหนีไม่พ้นเจ้าไก่ตาถลนนาม เฮย์เฮย์ ที่แบบว่าเอามาฮาจริงจัง