สวัสดีค่ะ วันนี้ผู้เขียนจะมารีวิว การ์ตูนNetflix ที่มีชื่อเรื่องว่า The Willoughbys วิลโลบี้ สี่พี่น้องผจญภัย เป็นภาพยนต์การ์ตูนแอนิเมชั่นสีสันสดใสที่ผสานความเป็นป็อบอาร์ทได้อย่างลงตัวชึ่งมีโครงเรื่องมาจากนวนิยายของ โลอีส โลว์รี (Lois Lowry) นักเขียนวรรณกรรมสำหรับเด็กและเยาวชน ในปี ค.ศ. 2008 และได้นำกลับมาสร้างเป็นการ์ตูนแอนิเมชั่นโดย BRON Animation กำกับภาพยนต์โดย คริส เพียร์น (Kris Pearn) เชิญติดตามหนังดังและอนิเมะเรื่องสนุกได้ที่นี่ ดูหนังออนไลน์
4 พี่น้องผจญภัยหาแผนกำจัดพ่อแม่ทิ้ง
รีวิว The Willoughbys วิลโลบี้ สี่พี่น้องผจญภัย เรื่องย่อ
The Willoughbys วิลโลบี้ สี่พี่น้องผจญภัย เรื่องย่อ เป็นผลงานภาพยนตร์ออริจินัลเน็ตฟลิกซ์ที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายของ Lois Lowry นักเขียนนวนิยายเด็กและผู้ใหญ่
โดยเรื่องย่อของ วิลโลบี้ สี่พี่น้องผจญภัย นั้นเรื่องราวเกี่ยวกับตระกูลวิลโลบี้อันสุดแสนยิ่งใหญ่ที่สร้างเชื่อมานานหลายศตวรรษ พวกเขาเหล่านั้นเป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์, ทหาร, กษัตริย์ และนักผจญภัย
แต่เมื่อคราวถึงยุคปัจจุบันความรุ่งเรืองเหล่านั้นได้หายไปกับฝุ่นไปแล้ว และในตอนนี้เองทิมก็อยากที่จะกอบกู้ชื่อเสียงของตระกูลให้ได้
แต่ยังติดที่ว่าทิมและพี่น้องอีกสามคนต้องทนทรมาณอยู่กับพ่อและแม่ของพวกเขาที่ไม่เคยแสดงความรักต่อพวกเขาเลยนี่สิ
เหล่าวิลโลบี้เด็กจึงต้องวางแผนกำจัดพ่อแม่เพื่อเอาชีวิตที่ควรจะเป็นของพวกเขากลับมา สามารถรับชมผ่าน Netflix ได้ที่นี้เลย
โดยหนังเรื่องนี้ยังเป็นหมวด Kid ด้วย ถ้ามีเด็ก ๆ สามารถให้รับชมเรื่องนี้ได้ แต่ก็ควรมีผู้ปกครองให้คำแนะนำต่อเหล่าเด็ก ๆ ที่ดูเรื่องนี้
เพราะมีเนื้อหาที่ค่อนข้างรุนแรงทางสถาบันครอบครัวแสดงผ่านทางเรื่องนี้ ถ้าใครไม่อยากให้เด็กดูแนวนี้สามารถไปได้เลยค่ะ
วิลโลบี้ สี่พี่น้องผจญภัย ได้ผู้กำกับแอนิเมชั่นอย่าง Kris Pearn ที่มีผลงานเด่น ๆ อย่าง Open Season และ Cloudy with a Chance of Meatballs 2 มากำกับให้กับแอนิเมชั่นเรื่องนี้
โดยแอนิเมชั่นเรื่องนี้มีการทำซีจีให้คล้ายกับ Spider-man into the spider-verse อย่างชัดเจน แต่เทคนิคการนำเสนอของ วิลโลบี้
นั้นยังไม่อาจที่จะสู้กับเหล่าแมงมุมของโซนี่ได้เลยแม้แต่น้อย และเนื้อเรื่องที่ดูเหมือนจะค่อนข้างเรื่อยเปื่อยเกินไปอาจจะทำให้ผู้ชมอาจจะต้องหาวและข้ามกันตามไป
นี้อาจจะเป็นออริจินัลเน็ตฟลิกซ์อีกเรื่องก็เป็นได้ที่อาจจะไม่ปัง!! เรามาดูกันว่าทำไมเรื่องนี้จึงไม่น่าจะปังกัน แนะนำอนิเมะที่ออกฉายในปี 1995 Whisper of the Heart วันนั้น…วันไหน หัวใจจะเป็นสีชมพู
คาแรคเตอร์ของตัวการ์ตูน
ส่วนคาแรคเตอร์ของตัวการ์ตูนทำออกมาได้ดีมากนะค่ะ มีความโดดเด่น โดยส่วนตัวผมชอบตัว “เจน” กับฝาแฝด “บาดาบี” the willoughbys พากย์ไทย
เจนก็ดูเป็นสาวน้อยน่ารักที่สดใสร่าเริงมองโลกในแง่ดีร้องเพลงเพราะด้วย แฝดบาดาบี้ก็ดูเป็นเด็กที่ตลกดีอัฉริยะและฉลาด เป็นคู่หูเข้าขากันได้ดี ส่วน “ทิม”
ดูมีความเป็นตัวของตัวเองสูงไปหน่อย ไม่ค่อยจะยอมรับอะไรง่าย ใจไม่สู้เหมือนเจน (คาเรคเตอร์ของทิมคล้าย ๆ กับโนบิตะนะผมว่า) สำหรับพี่เลี้ยงหัวฟูก็เหมือนกับเป็นผู้ที่ให้ความช่วยเหลือพวกเด็ก ๆ ตลอดเวลา
ในการ์ตูนเรื่องนี้มันจะมีแมวตัวสีน้ำเงินอยู่ตัวหนึ่ง ซึ่งมันจะทำหน้าที่เป็นผู้บรรยายเสริมในเรื่องราวต่าง ๆ ผมสังเกตว่ามันจะออกมาบ่อยเกินไปก็เลยไม่ค่อยชอบแมวสีน้ำเงินตัวนี้
แต่ก็มีอีกสิ่งหนึ่งของการ์ตูนเรื่องนี้ที่ชอบก็คือ เรื่องของการใส่จินตนาการ กับไอเดียความคิดสร้างสรรค์ลงไปในแต่ละฉากแต่ละซีนได้อย่างลงตัว อย่างเช่น
ฉากที่พวกเด็ก ๆ ไล่จับเด็กทารกในโรงงานทำขนมของกัปตันเมลานอฟ และอีกอันเป็นฉากเรือเหาะของเมลานอฟที่ปล่อยไอพ่นออกมาเป็นสีรุ้ง
คือไม่ว่าเรือเหาะจะบินผ่านสถานที่ไหนก็จะกลายเป็นสีรุ้งไปทั้งหมดอันนี้เจ๋งมากชอบ ซึ่งมันเป็นช่วงท้าย ๆ ของเรื่องที่พวกเด็ก ๆ ขับเรือเหาะออกไปตามหาพ่อแม่ของเขา แต่จะตามหาทำไม แล้วจะเจอพ่อแม่ไหมต้องติดตามชมในหนังค่ะ
ด้านเนื้อเรื่องและด้านงานภาพ
ยอมรับเลยว่างานภาพสวยมากสีสดมาก ๆ ชอบที่สดแสดงรายละเอียดได้ชัดเจนเห็นรายละเอียดเส้นผมปุย ๆ ออกมาด้วย และสไตล์อาร์ตคล้าย สไปเดอร์แมน วิลโลบี้ สี่พี่น้องผจญภัย pantip
อินทูเดอะสไปเดอร์เวิซ แถมยังมีรองรับ Dolby Vision ที่แสดงผลภาพเป็น HDR ด้วยที่เพิ่มความสดของสีภาพทำให้งานดูดีสีสดมากกก ส่วนการจัดลำดับภาพและมุมกล้องเรื่องนี้ยังไม่มีอะไรพิเศษโดดเด่นซักเท่าไหร่
ซีรีส์ครอบครัวที่ดูเหมือนจะไม่ได้โลกสวยอย่างที่ทุกคนคิดเรื่องนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งรสชาติที่ค่อนข้างแปลกใหม่มากทีเดียวในวงการแอนิเมชั่น
เพราะมันทำให้มุมมองในการเลี้ยงลูกของพ่อแม่หลายคนเปลี่ยนไป ไม่ต้องถึงขนาดไม่ใยดีลูก แต่เพียงแค่คุณเอาแต่ทำงาน หรือไม่แม้จะฟังสิ่งที่ลูกอยากบอก นั่นก็คงไม่ต่างอะไรกับพ่อแม่ตระกูลวิลโลบี้สักเท่าไรหรอก
เสียงพากย์ไทยและอังกฤษ
สำหรับเสียงพากย์ไทยนั้นถ้าเทียบกับหนังแอนิเมชั่นเรื่องอื่นก็ยังคงคุณภาพไว้คงเดิมอยู่ แต่คำพูดจะไม่ค่อยตรงกับซับไทยเท่าไหร่เพราะ
การพากย์ไทยต้องหาคำบริบทให้ถูกกับคำที่คนเราพูดกันทั่วไปด้วย เพราะฉะนั้นถ้าจะดูพากย์ไทย ควรปิดซับดีกว่า จะได้ไม่ต้องเทียบกันระหว่างซับและพากย์ไทย
ส่วนพากย์อังกฤษนั้นถือว่าดีเยี่ยม แต่นักพากย์ในหนังเรื่องนี้ไม่ค่อยมีใครเป็นตัวเด่นซักเท่าไหร่ มีผู้พันเมรีออฟที่ให้เสียงพากย์โดย Terry Crews ที่มีผลงานจาก Cloudy with a Chance of Meatballs 2 และ Expendables ที่ดัง ๆ มาพากย์แค่คนเดียว
หลาย ๆ คนคงอยากรู้ว่าเรื่องนี้มุขตลกเป็นแบบไหน สำหรับเรื่องนี้มุขตลกจะแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ก็คือ 1. มุขตลกร้าย
เป็นมุขตลกที่เล่นกับความเดือดร้อนของคนอื่นแต่เราก็ยังขำ โดยส่วนใหญ่ในเรื่องก็จะเป็นแบบนั้นแหละ บางคนอาจจะเซนซิทีฟกับมุขเหล่านี้อาจจะไม่ตลกด้วยก็ได้
2. มุขตลกธรรมดาที่คนธรรมดาขำกันปกติเด็กดูก็สนุกขำ ในเรื่องนี้บางฉากผู้ใหญ่อาจจะไม่ขำแต่เด็กอาจจะชอบ
รีวิว The Willoughbys วิลโลบี้ สี่พี่น้องผจญภัย บทสรุป
จริง ๆ เราไม่ได้คาดหวังอะไรกับหนังเรื่องนี้มาก ตอนที่ได้ดูเทรลเลอร์ แต่ที่ดึงดูดเราให้ต้องดูตั้งแต่วันแรก ๆ ที่สตรีมก็คือคอนเซปต์ตัวละครเด็กที่อยากกำจัดพ่อแม่นี่แหละ
อยากรู้ว่าหนังจะผูกปมอะไรมาให้ลูก ๆ คิดอย่างนั้น ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่ามันต้องนำพาเราไปสู่การจำกัดความคำว่า ‘ครอบครัว’ ซะใหม่
(อย่างที่หนัง/แอนิเมชันหลายเรื่องพยายามทำในช่วงหลายปีมานี้) โดยเน้นย้ำว่า ครอบครัวไม่จำเป็นต้องเป็นพ่อแม่ลูกที่ผูกพันทางสายเลือด เป็นเพียงคนที่แคร์ ที่ให้คุณค่ากับกันและกันก็พอ
ความพีกของเรื่องนี้อย่างหนึ่ง (ถ้าที่ผ่านมายังพีกไม่พอ) ก็คือเขาเลือกดำเนินเรื่องแบบมีเสียงบรรยาย และผู้บรรยายคือตัวละคร ‘แมว’ ซึ่งเจ้าแมวที่ว่านี้ก็ไม่ได้ธรรมดาเท่าไหร่
เพราะให้เสียงโดยนักแสดงตลกร้ายสไตล์บริติชอย่าง ริกกี เจอร์เวส ที่ถ้าใครคุ้นเคยกับหน้าตา น้ำเสียง หรือผลงานใด ๆ ของนาง จะรู้เลยว่าคาแรกเตอร์ก้อนแมวตัวนี้ ‘ใช่’ มาก
ขณะเดียวกัน ข้ามฝั่งมาจากพาร์ตตลกและตลกร้าย เราจะพบว่าเพลงประกอบหลักของเรื่องอย่างเพลง I Choose นี่ช่างเรียบง่าย กินใจ และเข้ากับเนื้อเรื่องเอามาก ๆ
เชื่อว่าทุกคนที่โตมาในครอบครัวที่ไม่เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบจะต้องรู้สึกอะไรกับมันไม่มากก็น้อย เพลงนี้ได้ อเลสเซีย คารา นักร้องวัย 23 ปี มาร้อง
โดยเนื้อเพลงส่วนหนึ่งคือ The house that you live in don’t make it a home, but feeling lonely don’t mean you’re alone. ที่แปลว่า ‘แม้มีบ้านอยู่ไม่รู้สึกอุ่นใจเหมือนอยู่บ้าน แต่ความโดดเดี่ยวนี้ไม่ได้แปลว่าคุณเดียวดาย’
เราว่า The Willoughbys ประสบความสำเร็จที่สุดกับการพาไปดูความจริงที่ว่าไม่ใช่พ่อแม่ทุกคนจะเป็นพ่อแม่ได้ดี และไม่ใช่พ่อแม่ทุกคนจะรักลูก
หรือแม้แต่พ่อแม่ที่ ‘คิดเอง’ ว่าตัวเองดี แท้จริงก็อาจจะไม่ได้ดีในมุมของลูกก็ได้ ซึ่งดูจะเป็นเมสเสจที่แทบไม่มีใครกล้าพูดถึง
(โดยเฉพาะเมืองไทยเมืองพุทธเมืองแห่งความกตัญญูรู้คุณอย่างบ้านเราแล้วด้วย) แต่สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เราควรโอบรับ
เพื่อให้สังคมเราเห็นปัญหาในสเกลครอบครัว และสเกลสังคมได้ชัดเจนขึ้น รวมไปถึงเพื่อสร้างการยอมรับให้กับครอบครัวทางเลือก ที่พบเห็นได้ทั่วโลกในยุคนี้สมัยนี้
ความรู้สึกหลังรับชม
โดยภาพรวมแล้วการ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่องนี้มีความสนุกสำหรับเด็ก ๆ อยู่พอสมควร แต่สำหรับคอการ์ตูนที่เป็นผู้ใหญ่แล้วอาจยังไม่โดนใจ โดยเนื้อหาจะมุ่งเน้นมุมมอง
ความรู้สึกของเด็กที่ไม่ได้รับความรักจากครอบครัว เก็บกด กดดัน ต้องพบกับความผิดหวังตลอด กับความต้องการของเด็กที่อยากได้ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ
ซึ่งในความคิดของผมหลังจากที่ดูจบแล้ว ก็เหมือนกับการ์ตูนจะสื่อถึงเราว่า “ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะประสบพบเจอกับสิ่งที่เลวร้ายในชีวิตในวัยของเขามามากมายขนาดไหน
ที่พึ่งสุดท้ายของพวกเขาก็คือผู้ใหญ่ที่สามารถให้คำแนะนำและช่วยเหลือที่ดีกับพวกเขาได้ สามารถดึงพวกเขากลับมาสู่ในสังคมที่ดี และมีชีวิตที่ดีอย่างเป็นปกติสุขได้”
อย่างไรก็ตามครอบครัวที่อบอุ่นพร้อมหน้า ดูแลกันให้ความรักเอาใจใส่กันเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นยาป้องกันภัยที่ดีที่สุด ยิ่งถ้าครอบครัวนั้นมีลูกหลายคนด้วยแล้ว
ก็ควรให้ความสำคัญกันมากเป็นพิเศษ ฉะนั้นอย่าปล่อยให้ลูกหลานของคุณดูการ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่องนี้แต่เพียงลำพัง เพราะบางทีเขาอาจจะกำลังคิดว่าตัวเขาเองกำลังเป็นเหมือนกับตัวการ์ตูนที่กำลังดูอยู่ในจอก็เป็นได้
โดยรวม ๆ ข้อเสียถึงแม้จะน้อยนิด แต่ก็สามารถกลบส่วนที่ดีของเรื่องไปด้วยจึงทำให้เรื่องนี้ไม่มีเนื้อหาที่น่ากลับมาดูซ้ำเลย
จึงสรุปได้อาจจะเป็นแอนิเมชั่นอีกเรื่องของเน็ตฟลิกซ์ที่ไม่ปังก็ว่าได้ ทั้งที่งานภาพก็สวย มีเนื้อหาที่ดี
แต่ใช้ไม่สามารถเล่นประเด็นให้คนกลับมาคิดซ้ำได้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ เพราะต้องการให้เนื้อหายังคงมีความเป็นเด็ก ที่สามารถเข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัยเลยค่ะ