อสูรทะเล รีวิวการ์ตูน
ประเภท: แอนิเมชั่น / ผจญภัย / แฟนตาซี
ผู้กำกับ: คริส วิลเลียมส์
ให้เสียงพากย์โดย: คาร์ล เออร์บัน, แดน สตีเวนส์, จาเรด แฮร์ริส
ความยาว: 115 นาที
กำหนดฉายในไทย: 8 กรกฎาคม 2022 (ที่ Netflix)
สวัสดีค่ะ ท่ามกลางหนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่ออกมาบ่อยมากๆในช่วงนี้ การหาการ์ตูนที่มีแง่คิดดีๆ บวกกับเนื้อเรื่องที่เข้มข้นและภาพสวยแบบตระการตา ก็คงจะหนีไม่พ้น TheSea Beast อสูรทะเล ที่เพิ่งจะลงจอ การ์ตูนNetflix เมื่อไม่นานมานี้ และหลังจากที่เราค่อยข้างหายไปจากวงการการ์ตูนมาพอสมควร พอได้เจอเข้ากับเรื่องนี้ที่มีเรื่องย่อค่อนข้างน่าสนใจ และภาพตัวอย่างที่ทาง Netflix ได้ปล่อยมา ก็ทำให้เราไม่ลังเลที่จะเข้าไปดูเลยล่ะค่ะ พอดูจบแล้วก็รู้สึกอยากจะมารีวิว แบ่งปันความรู้สึกหลังดูจบกันค่ะ ดูหนังฟรี
เรื่องย่อ
เรือนักล่าอสูรทะเล ได้ทำการล่าอสูรเพื่อป้องกันไม่ให้เข้ามาทำร้ายนักเดินทะเลและต้องการขยายพื้นที่อาณาจักรเพื่อ ราชา และ ราชินี แต่ในขณะที่เรือนักล่ากำลังจะออกไปล่าเจ้าแห่งอสูรนั้น ได้มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่หลงใหลในการล่าอสูรอย่างมากและได้แอบตามขึ้นเรือไปด้วย ถึงแม้การล่าอสูรนั้นจะอันตรายและโหดร้ายกว่าที่เธอคิด แต่ก็มีเหตุการณ์บางอย่างทำให้เธอสงสัยในสิ่งที่เธอเชื่อมาตลอด อสูรโหดร้ายจริงไหม ใครเป็นคนเริ่มสงครามนี้กันแน่ ต้องไปติดตามดูต่อนะคะ ดูหนังออนไลน์
อสูรทะเล รีวิวการ์ตูน
ตอนแรกที่เข้าไปดูนี่ให้ความรู้สึกแบบ pirates of the caribbean มากๆเลยค่ะ ทั้งเรือโจรสลัดเอย อสูรเอย คำพูดของกัปตันเอย ให้ความรู้สึกเหมือนเราดูหนังโจรสลัดเรื่องนึงเลยค่ะ นอกจากนั้นแล้วตัวเราเองมีความรู้สึกว่า ภาพของการ์ตูนเรื่องนี้มีความคล้ายกับเกมส์ Sea of Thrives เลยค่ะ มีความภาพสดใส สมจริง ตัวละครก็ดูมีมิติ ทั้งความคิดและอารมณ์ ในส่วนของเนื้อเรื่องถึงแม้ว่าจะเป็นการ์ตูนแต่เนื้อเรื่องนี่ไม่ได้ใสๆอย่างที่คิดเลยค่ะ แอบมีความดาร์คซ่อนอยู่ ทั้งการจัดการอสูรเพื่อต้องการร่างของมัน ทั้งการทำสงครามที่ไม่มีที่มาที่ไป การล่าอสูรเป็นต้น แต่ถึงอย่างนั้นการ์ตูนเรื่องนี้ก็นำเสนอความสดใสของเด็กผู้หญิง มิตรภาพของอสูร และความน่ารักของอสูรตัวจิ๋วด้วยค่ะ ไม่ได้หม่นไปสะทีเดียว อสูรทะเล ตัวละคร
นอกจากเนื้อเรื่องที่เราคิดว่าเสนอมาหลายแง่มุมแล้ว ต้องบอกเลยว่าการ์ตูนเรื่องนี้ให้ข้อคิดได้ดีหลายอย่างเลยค่ะ มีฉากนึงที่เด็กผู้หญิงพูดกับนักล่าอสูรว่า ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นฮีโร่ แต่พวกเขาก็ยังผิดพลาดได้ไม่ใช่หรอ มันทำให้เราฉุกคิดขึ้นมาว่า ถึงแม้ว่าจะเป็นฮีโร่และเชื่อว่าทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่มันก็สามารถผิดพลาดจากสิ่งที่เราเชื่อได้และสิ่งที่ทำนั้นอาจจะไม่ถูกต้องเสมอไป เราว่าบทพูดของตัวละครหลายตัวให้แง่คิดได้หลายด้าน จนทำให้เรามีความรู้สึกร่วมไปกับการ์ตูนและตัวละครได้อย่างง่ายดายเลยล่ะค่ะ เอาเป็นว่า ด้วยเนื้อเรื่องที่น่าสนใจ อารมณ์ของการ์ตูนและการนำเสนอของการ์ตูนเรื่องนี้ ทำให้ได้คะแนนจากเราไป 9 เต็ม 10 ค่ะ แอบมีความรู้สึกว่าตอนจบควรจะไปได้อีกสักหน่อย แต่โดยรวมการ์ตูนเรื่องนี้ก็ทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจสำหรับเราค่ะ อสูรทะเล pantip
ใครที่กำลังมองหาการ์ตูนสักเรื่องดูแก้เบื่อหรือดูแบบจริงจัง เราขอแนะนำเรื่องนี้เลยค่ะ ยิ่งแฟนๆของหนังแนวโจรสลัดหรือ pirates of the caribbean ก็ควรดูนะคะ เพราะการ์ตูนเรื่องนี้ให้อารมณ์แบบนั้นจริงๆ ไม่แน่ว่าหลังจากที่คุณดูการ์ตูนเรื่องนี้จบแล้วอาจจะได้ข้อคิดหลายๆอย่างกลับมาด้วยล่ะค่ะ สามารถรับชม The Sea Beast อสูรทะเล ได้ที่ Netflix นะคะ
ผลงานล่าสุด จาก วอล์ดิสนีย์
ผลงานล่าสุดของอดีตลูกศิษย์จาก วอลต์ ดิสนีย์ อย่าง “คริส วิลเลียมส์” ผู้ที่เคยสร้างหนังปัง ๆ อย่าง Bolt หรือ Big Hero 6 ออกมาเป็นที่น่าจดจำนั่นเอง โดยในครั้งนี้เขายังคงควบหน้าที่ร่วมเขียนบทหนังด้วย แม้ว่าจะมาพร้อมกับองค์ประกอบของสูตรสำเร็จแบบจำเจเดิมๆ ในหมวดหนังแอนิเมชั่นก็ตาม เหมือนกับนำเอานิทานและตำนานคลาสสิกต่าง ๆ มาปรุงแต่งใหม่ ออกมาเป็นรสชาติที่ยังกลมกล่อมกำลังพอดี
น่าประหลาดใจไม่น้อย ที่ไม่ว่าจะเป็นหน้าหนังหรือทีเซอร์ตัวอย่างหนังของ The Sea Beast ไม่ค่อยจะดึงดูดใจผู้ชมได้สักเท่าไหร่ เพราะภาพที่ออกมาเหมือนจะเป็นหนังแอนิเมชั่นเด็ก ๆ ธรรมดาทั่วไป แต่วลีที่ว่า “อย่าตัดสินจากเพียงแค่ภายนอก” น่าจะเหมาะกับหนังเรื่องนี้ เพราะเนื้อในและเนื้อแท้ของหนังเรื่องนี้ถือว่าถ่ายทอดออกมาได้ดีกว่าที่คิดเอาไว้ และสนุกกว่านี่คาดหมายเอาไว้เลยทีเดียว
สิ่งหนึ่งที่น่าประทับใจมากๆ ใน The Sea Beast ก็คือเทคนิคงานสร้างในหนังเรื่องนี้ แม้ว่างานออกแบบตัวละครและคาแรกเตอร์มนุษย์ในหนังจะทำออกมาได้ค่อนข้างธรรมดา ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก แต่ผู้ชมก็ต้องตื่นตาตื่นใจไปกับงานออกแบบสร้างฉากแอคชั่นสู้รบ รวมทั้งฉากธรรมชาติ-ท้องทะเลที่สมจริงแบบชวนขนลุกไม่น้อย นับตั้งแต่เปิดฉากแรกออกมาของหนัง
ขณะที่งานออกแบบอสูรต่างๆ ถือว่าทำออกมาได้น่าพอใจ อาจจะไม่ได้น่าเกรงขามจริงจังอะไร เพราะนี่คือหนังแอนิเมชั่นผจญภัยสดใสเรื่องหนึ่ง ทำให้เหล่าอสูรใหญ่ยักษ์ในเรื่องนี้อาจจะไปในทางแต่งเติมเสริมจินตนาการมากกว่า ให้อารมณ์เป็นความน่ารักน่ากอดประมาณนั้น เพราะหากว่าหนังเรื่องนี้ดังขึ้นมา ก็น่าจะสามารถนำเอาไปแตกยอดสร้างเป็นผลิตภัณฑ์คาแรกเตอร์ต่าง ๆ ออกมาให้น่าจดจำและขายได้เลย
การดำเนินเรื่อง
The Sea Beast เปิดเรื่องมาได้อย่างน่าตื่นเต้น เพราะฉากสู้รบกลางสมุทรที่น่าประทับใจ ให้อารมณ์เหมือน ๆ กับแฟรนไชส์หนังดังอย่าง Pirates of the Caribbean อะไรทำนองนั้นเลยทีเดียว แม้ว่าอาจจะน่าเสียดายที่หนังค่อนข้างยืดยาวไปสักหน่อย หนังการ์ตูนที่มีความยาวเกือบจะ 2 ชั่วโมง น่าจะไม่ได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ซื้อใจเฉพาะเด็ก ๆ แน่ แต่กระนั้นก็พลอยทำให้การเดินเรื่องในยาวกลาง ๆ ค่อนข้างช้าและเนือยไปสักหน่อย เมื่อมาอยู่กับพล็อตปรุงสำเร็จแบบเดิม ๆ
เพราะสุดท้ายแล้ว The Sea Beast ก็ม้วนจบเรื่องราวแบบขายได้ที่ไม่มีความแปลกใหม่อะไร มอบแง่คิดและปรับทัศนคติมุมมองแนวคิดของตัวละคร แต่ข้อความที่หนังสื่อสารออกมานั้น กลายเป็นฉากจบที่ช่างทรงพลังเกินกว่าที่คิดว่าหนังการ์ตูนเรื่องหนึ่งจะส่งข้อความออกมาแบบนั้น หนังยังถือว่ามอบประสบการณ์และอรรถรสความเพลิดเพลินได้ดีตลอดทาง เพราะอย่างน้อย ๆ การนอนดูหนังแอนิเมชั่นงานสร้างแจ่ม ๆ แบบเรื่องนี้ก็ถือว่าสร้างคาวมประทับใจได้อย่างคุ้มค่าดีแล้ว
เอาเป็นว่าโดยภาพรวมนั้น The Sea Beast ถือว่าเป็นหนังนอกสายตาที่ทำออกมาได้เรียกความสนใจได้ดี แม้พล็อตเรื่องต่าง ๆ จะค่อนข้างเชยและซ้ำซากไปหน่อยก็ตาม แต่การผจญภัยครั้งนี้ก็ยังมีลูกเล่นและเทคนิคต่าง ๆ ที่น่าประทับใจดี แม้ว่าทีมพากย์เสียงของเรื่องนี้จะไม่ได้โดดเด่นอะไรนัก ทั้ง “คาร์ล เออร์บัน”, “แดน สตีเวนส์” หรือ “จาเรด แฮร์ริส” ก็มอบงานให้เสียงได้ตามมาตรฐานที่น่าพอใจดี และอยากจะเชียร์จริง ๆ ว่า…นี่คือหนังที่ไม่อยากให้พลาดเรื่องหนึ่งในปีนี้
อสูรทะเล รีวิวการ์ตูน
หากใครยังจำได้ดี ในช่วงปี 2010 ทางสตูดิโอผู้สร้างอย่างค่าย DreamWorks Animation ก็ได้ปล่อยภาพยนตร์แอนิเมชันสุดเท่เรื่อง How To Train You Dragon (อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร) ออกมาให้ผู้ชมได้ลิ้มรสตำนานไวกิ้งกันอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งในปี 2014 เรื่อง Cloudy with a Chance of Meatballs 2 (มหัศจรรย์ ของกินดิ้นได้) ก็กลับมาฉายโรงเรียกยอดคนดูได้อีกครั้งด้วยธีมเรื่องสุดกาวไม่ต่างจากภาคแรก โดยทั้ง 2 เรื่องที่กล่าวมาไม่มีความยึดโยงใด ๆ กับเรื่อง The Sea Beast อสูรทะเล 2 เลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งค่ายผู้สร้างและผู้กำกับ รวมไปถึงนักแสดงผู้ให้เสียงพากย์ในเรื่องด้วย
แต่เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว อาจทำให้ใครหลายคนเริ่มย้อนกลับไปคิดถึงเนื้อเรื่องของ How To Train You Dragon (อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร) และเรื่อง Cloudy with a Chance of Meatballs 2 (มหัศจรรย์ ของกินดิ้นได้) ว่าทั้ง 2 เรื่องนั้นเป็นแอนิเมชันที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร ซึ่งธีมหลักของเรื่องที่กล่าวมาทั้งหมด รวมถึงเรื่อง The Sea Beast อสูรทะเล คำราม ด้วยแล้ว