รีวิวการ์ตูน naruto นารูโตะ
สวัสดีค่ะทุกคน ถ้าพูดถึงนินจาเพื่อนๆ จะนึกถึงการ์ตูนเรื่องอะไรกันค่ะ แน่นอนว่าสำหรับเราการ์ตูนที่เราเสียเงินไปกับการซื้อการ์ตูนและติดหงอมแงมคงหนีไม้พ้น นารูโตะ รีวิวการ์ตูน naruto นารูโตะ ช่วงนั้นต้องบอกเลยว่าเป็นการ์ตูนที่ฮิตมากๆ ไม่ว่าเดินไปทางไหน ใครๆ ก็อ่าน ดังนั้นวันนี้เราก็เลยอยากจะมาชวนเพื่อน ๆ ไปย้อนรำลึกไปดูก้าวแรกของอนิเมชั่นสุดสนุก นารูโตะ นินจาจอมคาถา ปี 1 กันค่ะ
ก่อนอื่นขอเล่าให้ฟังก่อนว่านารูโตะนั้นเป็นการ์ตูน 1 รีวิวการ์ตูน ในดวงใจของเราทีเดียว คือจำได้เลยว่าในสมัยนั้น ( อุ๊ย…รู้สึกแก่มากๆ ) นอกจากเราจะซื้อการ์ตูนมาอ่านแล้ว เราก็ยังต้องเสียเงินไปกับผ้าคาดหน้าผากที่เหล่านินจาทุกคนต้องมี นี้ยังไม่นับรวมอาวุธนารูโตะของเล่น เช่น ดาวกระจาย ที่เป็นอาวุธลับ พูดถึงแล้วก็รู้สึกขำกับตัวเองนั้นสมัยนั้นจริงๆ ยังไม่หมดเพียงเท่านั้นเพราะทุกๆ เช้าวันเสาร์เราต้องตื่นมานั่งดูการ์ตูนที่ช่อง 9 ทุกสัปดาห์ คิดดูว่าเราชอบขนาดไหน
ซึ่งแน่นอนว่าถ้าคุณเป็นแฟนคลับของนารูโตะ คุณก็จะรู้เลยว่ามันมีหลายภาคมากๆ แต่สารภาพเลยนะคะว่าภาคที่เราชอบที่สุดก็คือภาค นินจาจอมคาถา ปี 1 สาเหตุน่าจะเป็นเพราะเนื้อเรื่องของมันยังไม่ซับซ้อนจนเกืนไป คือแอบมีความฮา หยอดมุกให้เราดูตลอด แต่พอมาตอนหลังๆ เนื้อเรื่องมันเข้มข้นขึ้น ความรู้สึกของการเสพการ์ตูนเบาสมองก็เลยน้อยลง ซึ่งถ้านับตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการ์ตูนเรื่องนี้มาถึงปัจจุบันก็รวม ๆ เวลาก็ 20 ปีแล้ว
!! โอ้โห บอกเลยว่าเป็นการ์ตูนที่เติบโตมาคู่กับเราเลยก็ว่าได้ ดังนั้นเพื่อย้อนรำลึกความหลังวันนี้เราก็เลยอยากชวนเพื่อน ๆ กลับไปดูการ์ตูนเรื่องนี้กันค่ะ
เป็นเรื่องราวของ “อุสึมากิ นารูโตะ” เด็กชายที่มีพลังปีศาจจิ้งจอกเก้าหางอยู่ในตัว แต่ด้วยบทบัญญัติของโฮคาเงะรุ่นที่ 3 ทำให้เขาไม่รู้ตัวถึงพลังของตนเอง และไม่เข้าใจว่าทำไม ใครๆ ในหมู่บ้านจึงไม่ชอบเขา จนกระทั่งได้เข้าไปเรียนโรงเรียนประถมนินจา และได้รับคัดเลือดให้ร่วมทีม กับอิจิวะ ซาสึเกะ และ ฮารุโนะ ซากุระ ภายใต้การดูฮาตาเกะ คาคาชิ ครูสุดเท่ของเรา ซึ่งแน่นอนว่าทีมของนารูโตะนั้นก็ต้องไปทำภารกิจต่างๆ รวมถึงเข้าร่วมสอบนินจาเพื่อเลื่อนขั้นเป็นนินจาในระดับที่สูง อนิเมะออนไลน์ ซึ่งเรื่องราวมันจะซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเราบอกได้เลยว่าห้ามพลาดค่ะ
โดยส่วนตัวเราชอบการ์ตูนเรื่องนี้มากๆ ค่ะ เพราะอาจจะถือว่าเป็นการ์ตูนเรื่องแรกๆ ในยุคนั้นหยิบยิกเอาประเด็นนินจามาเป็นเส้นหลัก เรามองว่าจุดเด่นของเรื่องนี้อยู่ที่ละครค่อยๆ เติบโตมากขึ้น (พระเอกไม่ได้เก่งในทันที) ถ้าสังเกตให้ดีคุณจะเห็นว่าลายเส้นในช่วงแรกๆ จะมีความมนๆ ให้ความรู้สึกน่ารัก แต่พอในช่วงท้ายๆ มันจะมีความคมชัดมากขึ้น เรียกได้ว่านารูโตะนั้นมันค่อยๆ พัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปจนเราไม่รู้ตัว ซึ่งมันสัมพันธ์กับชีวิตเรามากๆ อนิเมะ นอกจากนี้สิ่งที่เราชอบมากๆ ในการ์ตูนเรื่องนี้ก็คือมันเล่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าเพื่อน และความรักได้อย่างกลมกล่อม ขนาดเราเป็นผู้หญิงยังดูได้แบบเพลินๆ ดังนั้นภาคแรกนั้นถึงเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางนินจาเลยค่ะ
แหวกแนวเกมไฟท์ติ้งจากมังงะหรืออนิเมะที่ปกติจะตอบสนองความต้องการของผู้เล่นด้วยการให้เราบังคับตัวละครที่เราชื่นชอบ รัวหมัด ละเลงเท้า ปลดปล่อยท่าไม้ตายใส่ตัวละครที่เราหมั่นไส้จากเวอร์ชันต้นฉบับ มาคราวนี้ผู้เล่นอย่างเราจะได้รับบทเป็นนินจาที่เราสร้างขึ้นใหม่ ทั้งชื่อ หน้าตา ทรงผม เครื่องแต่งกาย หรือแม้กระทั่งวิชานินจาที่เลือกใช้ แถมคราวนี้ยังพาเราเข้าทีม 4 คนเพื่อต่อสู้กับทีมฝั่งตรงข้ามอีก 4 คนด้วย ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ฟังดูทีเดียวที่คราวนี้เราจะได้เล่นเกมนารูโตะที่ไม่ใช่แค่เพียงอัพเดตกราฟิก อัพเดตตัวละครใหม่เท่านั้น แต่เปลี่ยนรูปแบบการเล่นไปเลย แต่น่าเสียดายที่ความพยายามในครั้งนี้กลับทำให้โลกนินจาน่าอยู่น้อยลงกว่าที่เคย
เหตุผลสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ใครสักคนชื่นชอบในการ์ตูนสักเรื่องหนึ่งก็คือเนื้อเรื่องและตัวละครจากการ์ตูนเรื่องนั้น นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมนารูโตะจึงเป็นการ์ตูนในดวงใจหลายๆ คน ทั้งๆ ที่นินจาก็เป็นอะไรที่อยู่คู่กับโลกนี้มานานแล้ว แต่เราไม่เคยมีคาถาอัญเชิญกบยักษ์ ไม่เคยมีหมู่บ้านโคโนะฮะ ไม่เคยมีนินจาขี้แพ้ที่มีจิ้งจอกสถิตอยู่ในร่างอย่างนารูโตะ
คาถาและวิชานินจาหลายๆ อย่างยังอยู่ในเกมนี้ แต่ตัวละครที่เรารักกลับกลายเป็นเพียง NPC ที่คอยให้เควสต์ เป็นเพื่อนร่วมปาร์ตี้ หรือเป็นศัตรูเท่านั้น ซึ่งนั่นทำให้เกมนี้น่าสนใจน้อยกว่าที่ควรจะเป็นมากๆ เพราะเราได้เพียงแค่บังคับตัวละครที่เราไม่มีความผูกพันอะไรมาก่อนหน้านี้เลย ลองนึกภาพเกมสไปเดอร์-แมนที่เราไม่ได้เล่นเป็นพระเอกหนุ่มปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ แต่กลับได้รับบทเป็นหนุ่มน้อยที่มีคุณลุงปีเตอร์คอยเป็นเทรนเนอร์ให้แทน ความรู้สึกของการเล่นเกมนารูโตะแล้วไม่ได้บังคับนารูโตะก็เป็นอะไรประมาณนั้น
อย่างที่บอกไปว่าเนื้อเรื่องและตัวละครเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้การ์ตูนสักเรื่องสนุก ในเมื่อเกมจากการ์ตูนเกมนี้ทำให้เราผิดหวังกับตัวละครไปแล้ว สิ่งที่น่าจะหวังได้อีกอย่างหนึ่งก็คือเนื้อเรื่อง ซึ่งเนื้อเรื่องของเกมนี้นั้นคือการที่เราได้รับบทเป็นนินจาฝึกหัดที่ต้องการจะเป็นนินจาที่เก่งกาจ ซึ่งเราทำเช่นนั้นด้วยการเข้าต่อสู้ในโปรแกรม VR จำลองเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต นั่นหมายความว่าเกมนี้แทบไม่มีเนื้อเรื่องเป็นของตัวเองเลย แถมระบบอย่างหนึ่งของเกมนี้ก็คือการเลือกอาจารย์ที่จะช่วยเราต่อสู้และมอบวิชานินจาให้เราเมื่อระดับความสัมพันธ์เพิ่มขึ้น แต่อาจารย์ที่ว่าก็เป็นเพียง VR จำลองอาจารย์อีกเช่นกัน ซึ่งส่งผลอย่างมากในเรื่องความรู้สึก เพราะกลายเป็นว่าสุดท้ายแล้วเราแทบไม่ได้มีความสัมพันธ์กับตัวละครในเวอร์ชันต้นฉบับเลย
เกมเปลี่ยนรูปแบบจากเกมไฟท์ติ้งที่ต่อสู้กันในฉากแคบๆ และเน้นการวัดฝีมือ ทำคอมโบ เพื่อจบการต่อสู้อย่างรวดเร็ว มาเป็นการต่อสู้ในฉากกว้างๆ ที่ใช้ปุ่มเพียงไม่กี่ปุ่มแทน เกมมีลูกเล่นอย่างการให้เราเลือกประเภทของวิชานินจาที่เราใช้ ซึ่งได้แก่ Attack, Range, Defense, และ Heal ซึ่งมีคาถาและอาวุธที่ใช้ได้ รวมถึงวิธีการต่อสู้ที่แตกต่างกันตามชื่อประเภทวิชานั่นเอง ถ้าเป็น Attack ก็เน้นโจมตีระยะใกล้ ใช้คาถาโจมตีอย่างกระสุนวงจักร ดูอนิเมะออนไลน์ แต่ถ้าเป็น Range ก็จะโจมตีไกลขึ้นหน่อย และใช้คาถาอย่างคาถาพ่นไฟเป็นต้น ซึ่งเราสามารถเลือกใช้ได้อย่างอิสระ จะเป็นนินจาที่ใช้ทั้งพันปักษา ทั้งคาถาเชิญงูก็ได้ ไม่ว่ากัน
แม้จะมีระบบการปรับแต่งที่น่าสนใจ แต่เพราะเกมไปเน้นการเล่นเป็นทีม เน้นโหมดต่างๆ อย่างโหมดชิงธง โหมดยึดฐาน เลยทำให้ความสนุกในการต่อสู้วัดฝีมือกันหายไปเยอะ พอเกมไปเน้นระบบเล่นเป็นทีมที่ให้ความสำคัญกับการเก็บคะแนน เลยทำให้ตัวละครเราตายง่ายมากๆ ต้องไปเน้นการหลบ การป้องกันแทน ช่วงแรกๆ ที่ยังปรับตัวไม่ทันนี่พอเล่นคนเดียวก็รู้สึกว่าเกมง่ายเกินไป แต่พอเล่นหลายคนเจอกับผู้เล่นเก่งๆ ก็รู้สึกว่าทุกอย่างดูมั่วซั่วไปหมด
ไม่ทันไรก็ตายซะแล้ว ซึ่งเกมไฟท์ติ้งที่สนุกจริงๆ ควรจะให้เราได้มีโอกาสอัดกันให้สนุกกว่านี้ แน่นอนว่า Naruto to Boruto: Shinobi Striker ไม่ใช่เกมไฟท์ติ้งเต็มรูปแบบ แต่สิ่งที่เกมอยากจะเป็นจริงๆ ก็ไม่ได้ทำได้สนุกขนาดนั้น เหมือนกับว่าเกมไปไม่สุดสักทาง จะเป็นเกมไฟท์ติ้งอัดกันอย่างสะใจก็ไม่ใช่ จะเป็นเกมที่เน้นโหมดเล่นเป็นทีมก็สู้โหมดนี้ในเกม Shooting ไม่ได้อีก
ถ้าไม่นับโหมดผู้เล่นหลายคนที่ตอนนี้มีให้เล่นแค่ 2 โหมดจากทั้งหมด 4 โหมด ที่เหลือก็เป็นโหมดภารกิจ VR ที่เราสามารถเลือกทำคนเดียวหรือชวนเพื่อนมาทำแบบออนไลน์ได้ ภารกิจแบ่งเป็น Rank ตามระดับความยาก เป็นภารกิจ VR จำลองภารกิจที่เกิดขึ้นในการ์ตูนต้นฉบับ อย่างเช่น ชิงกระดิ่งจากคาคาชิ หรือสืบหาข้อมูลเพน ซึ่งก็ยังใช้ระบบการต่อสู้ป้องกันฐาน ยึดฐาน ปราบศัตรูตามที่กำหนด หรือวิ่งเก็บของตามทาง ไม่ได้น่าสนใจเป็นพิเศษ จะตื่นเต้นหน่อยก็ตอนที่ได้สู้กับบอสตัวใหญ่ๆ อย่างเก้าหาง แปดหาง
รีวิวการ์ตูน naruto นารูโตะ
ตอนแรกดูๆ ไปก็เหมือนจะมีภารกิจให้ทำเยอะอยู่ แม้จะดูซ้ำซากไปบ้าง แต่ก็ยังพอมีเนื้อเรื่องกำกับนิดหน่อย เปลี่ยนหน้าตาศัตรูก็ยังพอให้สนุกอยู่บ้าง และในตอนแรกดูจากรายชื่อภารกิจที่ยังไม่ปลดล็อคแล้วก็คิดว่าน่าจะมีภารกิจให้ทำมากมายทีเดียว แต่อยู่ดีๆ เกมก็ขึ้นเครดิตจบขึ้นมาเฉยๆ ทำเอาไม่ทันตั้งตัวไม่คิดว่าเกมนี้จะมีฉากจบด้วย ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นหลังฉากจบก็คือ ภารกิจเกือบทุกภารกิจในทุก Rank จะปลดล็อคให้เรา ซึ่งผู้เล่นก็จะพบว่าเป็นภารกิจซ้ำๆ ที่เพิ่มระดับความยากเท่านั้นเอง!
หลังจากเครดิตขึ้นแล้วทำให้พบว่าตัวเกมจริงๆ แทบไม่ได้มีอะไรให้เราทำเลย มีโหมดภารกิจที่ให้ทำภารกิจซ้ำๆ โหมดผู้เล่นหลายคนที่ไม่ได้ให้ความรู้สึกที่ต่างกันขนาดนั้น 4 โหมด และนอกนั้นก็เป็นการเก็บของ เก็บคาถา แต่งตัวละคร หมู่บ้านโคโนะฮะก็เป็นเพียงลานแคบๆ ที่เอาไว้รับภารกิจ เอาไว้เป็น Lobby รอเล่นกับคนอื่นเท่านั้นเอง
คงถึงเวลาแล้วที่เราจะได้เล่นเกมอย่าง Naruto Shippuden: Ultimate Ninja Storm 4 Road to Boruto ในรูปแบบ Handheld ย้อนกลับไปเมื่อปี 2016 นั่นเป็นครั้งแรกในการเปิดตัวเกมนี้และก็ได้อัพเดตเนื้อเรื่องมาโดยตลอด ด้วยโหมดที่แตกต่างกันถึง 3 โหมดและตัวละครที่มีเยอะจนน่าตกใจ มีเกมที่ทำมาจากอนิเมะเพียงไม่กี่เรื่องที่ทำออกมาแล้วเหล่าแฟนคลับประทับใจซึ่ง Naruto Uzumaki ก็เป็นหนึ่งในนั้น ผู้พัฒนา CyberConnect2 ดูอนิเมะ ได้ดัดแปลงเกมนี้จนออกมาดีกว่าต้นฉบับเสียอีก ซีรีส์ The Ultimate Ninja Storm มีมานานเกือบ 17 ปีแล้ว และได้เติบโตขึ้นจากเกมต่อสู้บน PS2 มาจนถึงแพลตฟอร์มที่ยิ่งใหญ่ในปัจจุบัน
ระบบเก่าบางระบบได้ถูกพัฒนาขึ้นบางส่วน บางส่วนก็ถูกนำเอาออกไป ตอนนี้เราสามารถเปลี่ยนตัวละครขณะที่เล่นได้ตามใจด้วยการเลื่อนอนาล็อก ทำให้การสลับการโจมตีของเราง่ายขึ้น ด้วยรูปแบบที่ง่ายทำให้เราสามารถสนุกไปกับเกมได้เป็นอย่างมาก แต่อย่าได้คาดหวังว่าเนื้อเรื่องของตัวเกมจะตรงตามเนื้อเรื่องมังงะแบบเป๊ะๆ ตัวเกมได้นำเนื้อเรื่องมังงะช่วง Fourth Shinobi World War เป็นแกนหลัก
การต่อสู้จะแฝงเรื่องราวไซด์สตอรี่ของเราและคู่แข่งเอาไว้ให้เสพ ถ้าเราเคยอ่านมังงะจะยิ่งทำให้เราอินขึ้นไปอีก คนที่คิดว่าจะลองเล่นเกมนี้แนะนำให้ลองเล่นภาคเก่าๆ ก่อน จะได้สนุกมากขึ้น ฉากคัตซีนส่วนมากจะใช้ภาพในเกมและเสียงพากย์จากอนิเมะ เหมือนกับว่าผู้พัฒนาต้องการให้มันรู้สึกแตกต่างจากอนิเมะ เพื่อเปลี่ยนอารมณ์ไปอีกแบบ
สามารถตอบโจทย์ผู้เล่นได้อย่างชัดเจน การเลื่อนเปลี่ยนเมนูค่อนข้างราบลื่น การสลับไปมาของตัวละครระหว่างการต่อสู้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน นอกจากนี้ยังสนับสนุนการเล่นออนไลน์ การแข่งขันแบบผู้เล่นหลายคน อย่างไรก็ตามในตอนนี้ยังไม่มี DLC ใหม่ๆ ออกมาบน Switch และเราอาจจะต้องรอกันต่อไป