รีวิว ดราก้อนบอล
Dragon Ball Z: Kakarot เป็นอีกหนึ่งเกมที่ผู้เขียนบอกเลยว่าแฟนดราก้อนบอลไม่ควรพลาดอย่างยิ่งครับ โดยเกมนี้จะบอกเล่าเรื่องราวการผจญภัยของโกคูที่ออกเดินทางเพื่อแสวงหาพลัง และ การต่อสู้ที่ท้าทาย เป้าหมายสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือ การปกป้องโลกนี้ให้พ้นจากเงื้อมมือของเหล่าร้ายทุกคน ซึ่ง BANDAI NAMCO Entertainment ได้กล่าวว่า Dragonball Z: Kakarot จะมอบประสบการณ์แอคชั่น RPG พร้อมเปิดเผยเรื่องราว Dragon Ball Z อย่างที่ไม่มีที่ไหนเคยทำมาก่อน และ วันนี้ผู้เขียนจะพาผู้อ่านทุกคนไปพบกับรีวิวเกม Dragon Ball Z: Kakarot เกม Action-RPG เติมเต็มทุกความรู้สึกให้ กับ แฟนดราก้อนบอล อนิเมะ
เนื้อเรื่อง รีวิว ดราก้อนบอล
ออกกันมาทุกปีจริงๆ สำหรับเกมจากซีรีส์การ์ตูนสายหลักชื่อดังอย่าง Dragon Ball พัฒนาโดย BANDAI NAMCO ซึ่งหลังจากปีที่แล้วก็พึ่งปล่อย JUMP FORCE ที่มีการ์ตูนเรื่องนี้ไปผสมด้วย แต่มันก็ไม่ค่อยจะน่าพิศมัยซักเท่าไหร่ เพราะตัวเกมยังสร้างโลกของจั๊มออกมาได้ไม่ตอบโจทมากพอทั้งในด้านเนื้อเรื่อง และ การนำเสนอ
ในปีนี้ผู้พัฒนาก็อยากที่จะเล่นใหญ่ขึ้นคือการยกระดับเกมของตัวเองสร้างเกมแนว Openworld ออกมาโดยใช้ธีมของโลก Dragon Ball เป็นตัวดำเนินเรื่องเลยได้กลายมาเป็นเกม Dragon Ball Z: Kakarot ที่จะดำเนินเรื่องราวเนื้อเรื่องของการ์ตูนเรื่องนี้ในภาค Dragon Ball Z เป็นต้นไป เพื่อให้เราเหล่าแฟนๆ ได้หวนวันวานอีกครั้ง พร้อมทั้งยังได้ท่องโลกของการ์ตูนเรื่องนี้แบบอิสระครั้งแรกด้วยตัวเองอีกด้วย
สิ่งแรกที่ต้องพูดถึงก่อนเลยคือ บรรยากาศภายในเกมที่เปิดมาก็ทำให้ผู้เล่น (ที่มีอายุหน่อย) ได้ย้อนวัยกลับไปสู่ความหลังครั้งยังเด็กอีกครั้ง ด้วยเพลงเปิดที่คุ้นหูอย่าง Cha-La-Head-Cha-La เวอร์ชั่นดั้งเดิมที่คุณ Hironobu Kageyama เป็นคนร้อง พร้อมฉากโกคู และ โกฮังบนเมฆสีทองที่คุ้นตา รวมถึงการตัดต่อของเพลงเปิดที่เราจะได้พบ กับ ตัวละคร และ ฉากที่คุ้นเคยจำนวนมาก แค่ได้ดูฉากเปิดนี้ก็ถือว่าคุ้มค่าอย่างมาก และ แฟนพันธุ์แท้จริง ๆ คงอดใจไม่ไหวที่จะเข้าเล่นเกมทันทีหลังจบเพลงอย่างแน่นอน อนิเมะออนไลน์
ประเด็นที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย นั่นคือเรื่องภาษาไทยในเกม เพราะเกม Dragon Ball Z: Kakarot เป็นอีกหนึ่งเกมที่มีการแปลเป็นภาษาไทยออกมา ภาษาไทยที่แปลออกมาต้องยอมรับว่าแปลออกมาได้ดีมาก ๆ โดยทีมผู้แปลภาษาไทยในเกมได้รักษาแนวการแปลแบบดั้งเดิมไว้อย่างดี ทำให้ผู้เล่นที่เคยอ่านหรือดูการ์ตูนเรื่องนี้มาก่อนได้ลิ้มรส กับ ความรู้สึกเดิม ๆ ที่พวกเขาเคยมีมา ผู้เขียนประทับใจในจุดนี้มาก เพราะถ้าหากย้อนกลับไปอ่านมังงะที่ผู้เขียนซื้อมาเก็บไว้ ผู้เขียนจะพบว่าภาษาที่แปลออกมาใน
เรื่องย่อ รีวิว ดราก้อนบอล
ประโยคสำคัญต่าง ๆ ถูกแปลเหมือน กับ มังงะมากกว่า 90% ไม่ว่าจะเป็นมุกตลกของซูนโงคูที่เล่น กับ ท่านไคโอ “ที่นอนที่มีหนอนยัวเยี้ย เค้าเรียกว่าที่หนอน!!!” รวมถึงบทสนทนาต่าง ๆ ของตัวละคร หากใครเคยอ่านมังงะรับรองได้ว่าฮาครืนกราฟิกภายในเกมเป็นอีกหนึ่งเกมที่ทำออกมาได้ดีมาก เกมจะใช้ภาพแบบเซลล์เฉด (ภาพแบบการ์ตูนมีลายเส้น) 3 มิติ สีสันสดใส
สวยงาม (ต่างจาก Xenoverse 2 ภาพจะออกมีแสงเงาที่เข้มกว่า และ โทนสีหม่นกว่าเล็กน้อย) ภาพสิ่งแวดล้อมที่ถูกทำออกมาได้ดี รวมถึงบรรยากาศภายในเกมที่แอนิเมชั่นการเคลื่อนไหวลื่นไหลเป็นธรรมชาติ ไม่ขัดตา ไม่ว่าจะเป็นฉากปกติทั่วไป จนถึงฉากต่อสู้ที่ถูกทำแอนิเมชั่นออกมาได้ดีมาก การเคลื่อนที่แบบวาร์ปทำออกมาได้ถึงใจ ท่าโจมตี การปล่อยพลังทั้งหลายทำออกมาได้สะใจสายบู๊อย่างแน่นอน แต่ที่ต้องชื่นชมมากกว่านั้นคือ เอฟเฟกต์การต่อสู้ที่ทำออกมาได้อลังการงานสร้าง ผู้เขียนบอกเลยว่าใครสายเล่นเกมการ์ตูนที่ชอบเอฟเฟกต์อลังการไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ดูอนิเมะ
แน่นอนว่า ตัวละครเอก “คาคาร็อต” หรือ “ซุนโกคู” นั้นต้องเป็นสตาร์ดาวเด่นในผลงานเกมภาคใหม่นี้ แต่อย่างไรก็ดี ทีมผู้พัฒนาก็ไม่ได้โหดร้ายใจดำ กับ แฟนคลับดราก้อนบอลซะทีเดียว เนื่องจากเมื่อเล่นลงลึกไปเรื่อยๆ ตัวเราจะได้เปลี่ยนสลับไปบังคับตัวละครหลักอื่นๆด้วย อาทิ พิคโกโร่, โกฮัง, เบจิต้า, ทรังค์ รวมถึงตัวละครร่างฟิวชั่น ก็มีให้ได้เล่นกันด้วยนะ ซึ่งแต่ละตัว
ละครจะมีท่าไม้ตายโจมตี และ สายสกิลที่ต้องใช้ สีของอัญมณี แตกต่างกันไปในการอัปเกรด อีกทั้งตัวเกมยังมีระบบ โซลเอมเบลม หรือเหรียญสัญลักษณ์รูปใบหน้าตัวละคร ที่เมื่อเราได้รับมาสามารถนำไปติดตั้งลงบน กระดานคอมมิวนิตี้ ที่เราจำเป็นต้องใช้สมองขบคิดเล็กน้อยว่า จะเอาเอมเบลมรูปหน้าใคร มาวางตรงไหน อยู่ใกล้ใครดี ถึงจะเค้นดึงเอาพลังโบนัสด้านต่างๆออกมาได้สูงสุด ดูอนิเมะออนไลน์
สิ่งหนึ่งที่เป็นความภาคภูมิใจ คงต้องยกให้ กับ เรื่องของ ซับไตเติ้ลภาษาไทย ที่ทีมงานทุ่มเทตั้งใจแปลแบบทุ่มจิตวิญญาณ แม้เพิ่งจะเป็นการแปลไทยครั้งแรกของซีรีส์ แต่เราก็สามารถสังเกตสัมผัสได้ถึงความใส่ใจละเมียดละไมในทุกประโยค เลือกใช้ถ้อยคำได้ถูกต้องเหมาะสมตามสถานการณ์ มีความเข้าใจในวัตนธรรมภาษาราว กับ เจ้าของแปลเอง ไม่ว่าจะเป็นบทสนทนาเจรจาทั่วไป คำอุทาน สรรพนามแทนตัว ล้วนเลือกใช้ได้สมบูรณ์แบบเกือบร้อยเปอร์เซนต์ ขณะที่มุกตลกขำขันที่ท่านไคโอหมั่น
ขยันหยอดตลอดทั้งเกม หากใครได้อ่านก็ต้องเก็ตท้องแข็งไปตามๆกัน หรือแม้กระทั่งรายชื่อเมนูอาหารประเภทเส้น ก็ยังอุตส่าห์ปรับเปลี่ยนให้เข้า กับ บ้านเรา จากเมนูผัดหมี่แสนธรรมดา กลายเป็นเมนูผัดไทยได้ใจไปเต็มๆ พูดก็พูดเถอะ ต่อให้เราไปแปลเองคงไม่ได้ขนาดนี้นอกเหนือจาก ซับไทย ที่ทำให้รู้สึกอินชวนฟินแล้ว ในส่วนของภาพกราฟิก การ์ตูนเซลเฉด 3D ภายในเกมยังได้อานิสงส์จาก Unreal Engine ที่ทำออกมาได้สวยงามพลิ้วไหวราว กับ นั่งชมการ์ตูน สภาพแวดล้อมโลกกว้างก็ไม่ใช่
ฉากรกร้างว่างเปล่า เพราะเต็มไปด้วยรายละเอียด กิมมิคยิบย่อยรอให้ผู้เล่นได้ค้นหา บางสถานที่เราอาจได้พบเจอพูดคุย กับ บางตัวละคร ที่ชวนให้ย้อนรำลึกนึกถึงความทรงจำเก่า ๆ ในอดีต บางจังหวะดนตรีประกอบที่เราหลงลืมไปนานแล้วมันก็ดังขึ้นมาให้แอบน้ำตาคลอ และ สิ่งสำคัญที่ขาดไปไม่ได้นั่นคือการเดินทางตามหารวบรวม ลูกแก้วมังกรทั้ง 7 ให้ครบ เพื่อขอพรจากเทพเจ้ามังกร ที่ตัวเกมจำลองออกมาได้เหมือนต้นฉบับ ถึงแม้ท่านเทพเจ้ามังกรในเวอร์ชันเกมของค่าย บันไดนัมโค นี้ จะติดนิสัยขี้เหนียวเขี้ยวลากดินมาด้วยก็ตามที แต่นี่แหละที่ทำให้มันเป็นเกมสำหรับสาวกดราก้อนบอลโดยแท้ รีวิวการ์ตูน
รวมถึงแม้ว่าเกมนี้จะเป็นเกมแนว Openworld แต่ก็ต้องบอกได้ว่าตัวเกมจะเป็นกึ่งๆ โลกเปิดซะมากกว่า เพราะเนื่องจากที่ผู้พัฒนาคงไม่อยากต่อพื้นที่ให้มันกว้างเปิดไป เพราะมันน่าจะเป็นปัญหาเรื่องการ Optimise ก็ได้ ตัวเกมจึงมีพื้นที่แบ่งเป็นโซนๆ ติดต่อกัน โดยเราจะต้องวาร์ปไปแต่ละโซนแผนที่แทน ซึ่งเอาจริงๆ ตอนแรกก็ไม่ค่อยชอบเท่าไรนะ แต่พอเล่นจริงๆ เกมนี้ไม่ได้มี Loading Screen ที่นานเกินไป การโหลดแผนที่แต่ละครั้งเองก็ไม่ได้เสียเวลามากเท่าไร ก็ถือว่าหยวนๆ กันได้
รวมถึงโมเดลของตัวละครในเกมถึงแม้ว่าจะเป็น 3D แต่กราฟิกก็ยังมีกลิ่นอาย และ ธีมของความเป็นการ์ตูนมากกว่าเกมก่อนหน้าอย่าง JUMP FORCE เป็นอย่างมาก อาจจะมีบ้างฉากที่โมเดลที่ตัวละครคุยกันทื่อ ๆ แต่ส่วนใหญ่ตัวละครก็ทำอารมณ์ออกมาพอใช้ได้ รวมถึงแต่ละตัวละครก็จะใส่เสียงออกมาทุกบทพูดแล้ว ไม่เหมือนเกมเก่า ๆ ที่เผางานเป็นกล่องข้อความทื่อ ๆ พร้อมทั้งเอฟเฟคต่าง ๆ ก็มีความสวยสดงดงามออร่าอลังการได้อารมณ์สุด ๆ