รีวิว เมาคลี ลูกหมาป่า
เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินเรื่องราวของ เมาคลี ลูกหมาป่า กันมาไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะในหนังสือนิทานก่อนนอน หรือหนังการ์ตูนดิสนีย์ The Jungle Book (1967) โดยต้นฉบับของ เมาคลี ลูกหมาป่า นี้มาจากหนังสือ The Jungle Book ของนักเขียนชาวอังกฤษ Rudyard Kipling ที่ตีพิมพ์มาตั้งแต่ปี 1894 นู่น ในปี 2016 นี้ ดิสนีย์นำ The Jungle Book มาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้ง ด้วยฝีมือของผู้กำกับ Jon Favreau (ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ Iron Man ทั้งสามภาค) โดยเวอร์ชั่นนี้เป็นฉบับภาพยนตร์ใช้คนจริงแสดงและใช้ CGI ชั้นยอดเนรมิตป่าดงพงไพรและ อนิเมะ
สิงสาราสัตว์นานา ซึ่งให้เสียงพากย์โดยนักแสดงชื่อดังล้นจอ ไม่ว่าจะเป็น Bill Murray, Idris Elba, Scarlett Johansson, Lupita Nyong’o, Giancarlo Esposito, และ Ben Kingsley Mowgli (Neel Sethi) เป็นลูกคน ที่เสือดำ Bagheera (Ben Kingsley) ไปบังเอิญเก็บมาได้ แล้วนำมาให้หมาป่า Raksha (Lupita Nyong’o) กับ Akela (Giancarlo Esposito) หัวหน้าฝูง เป็นผู้เลี้ยงดู
เนื้อเรื่อง รีวิว เมาคลี ลูกหมาป่า
วันหนึ่ง Mowgli ถูกเสือร้าย Shere Khan (Idris Elba) ผู้โกรธเกลียดมนุษย์ประกาศหมายหัว ทำให้ Bagheera ต้องตัดสินใจพาเด็กน้อยไปส่งที่หมู่บ้านมนุษย์ แต่เกิดพลัดหลงกันระหว่างทาง และ Mowgli ได้รับการช่วยเหลือจากหมี Baloo (Bill Murray) ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ The Jungle Book เวอร์ชั่นนี้ จึงอลังการงานสร้างไร้ที่ติ ทั้งงาน sound effect ก็ดีงาม และงานภาพ visual ก็อลังเว่อร์ แล้วยิ่งได้ดูบนจอ IMAX 3D นี่คือฟินมาก คุ้มค่าตั๋วทุกวินาที อันนี้แนะนำ ของจริงไม่ต้องพูดเยอะ
นอกจากนี้ หนังไม่ใช่แค่ภาพสวยเท่านั้น หากแต่ยังเล่าเรื่องสนุกด้วย รับประกันความบันเทิงได้เลย แต่ละฉากการผจญภัยและการเติบโตของ Mowgli นี่ล้วนแต่ตื่นตาตื่นใจ แถมมุกบางมุกก็จี๊ดโดนใจเลเวล 10 เต็ม 10 ในส่วนของเรื่องราวนั้น ก็เป็นมากกว่านิทานสอนเด็ก เรียกได้ว่าเวอร์ชั่นนี้สเกลโตขึ้นกว่าฉบับการ์ตูนมาก เนื้อหาดี๊ดี เหมาะทั้งกับเด็กและผู้ใหญ่ อนิเมะออนไลน์
โดยเนื้อหาจะอยู่ในช่วง coming-of-age ของ Mowgli ที่ต้องก้าวข้ามผ่านวัยเด็กไปสู่วัยผู้ใหญ่ ออกจาก comfort zone ไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงที่มีทั้งคนดีคนร้าย เรียนรู้ปรับตัวเข้ากับคนอื่นในสังคมซึ่งแตกต่าง และในขณะเดียวกัน ก็ต้องพยายามค้นหาตัวตนและใช้ศักยภาพในตัวเองให้ได้ ซึ่งโดยปกติแล้ว คนทั่วไปจะประสบปัญหาการหลงทาง…ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร
ที่แน่ ๆ คนที่รักสัตว์ รักป่า รักธรรมชาติ ควรไปดูอย่างยิ่ง CGI ป่าของเขายิ่งใหญ่สวยงามจริงจัง นึกว่าเขาไปถ่ายทำกันในป่ากันจริง ๆ เลยอย่างไรอย่างนั้น สัตว์ต่างๆ ก็น่ารัก มีเอกลักษณ์ และเป็นตัวแทนสะท้อนลักษณะนิสัยของมนุษย์แต่ละประเภทได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะหมี Baloo นี้ขโมยซีนสุด ๆ ชอบมาก ๆ
เราชอบที่สุดก็ตรงที่สัตว์แต่ละประเภทมันสะท้อนมนุษย์แต่ละประเภทนี่แหละ มันทำให้เราเห็นว่า ไม่ว่าจะเกิดมาเป็นใครหรือเป็นอะไร เราต่างก็มีข้อดีข้อเสีย หรือข้อเด่นข้อด้อยในตัวเองกันทั้งสิ้น แต่สิ่งสำคัญคือ เราต้องพยายามใช้จุดเด่นของเราไปในทางที่ดีที่สุด และไม่เบียดเบียนหรือทำร้ายใคร ถ้าพวกเราทุกคนเข้าใจในความแตกต่างหลากหลายทั้งหลายนั้น และมองเห็นความสำคัญของการ “น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า” อย่างที่เราได้เห็นจากในหนัง เราว่าโลกนี้มันคงน่าอยู่และอยู่ง่ายขึ้นมาก
เรื่องย่อ รีวิว เมาคลี ลูกหมาป่า
การนำหนังเก่ามาเล่าใหม่ให้ดีหรือน่าดึงดูดต้องทำยังไง ตัวอย่างมีให้ดูบ่อยๆ ในงานดัดแปลงของดิสนี่ย์ที่นำหนังการ์ตูนเก่ามาสร้างใหม่เป็นฉบับคนแสดงครับ บางเรื่องอาจไม่ดี แต่ก็ดึงดูดให้เข้าไปชม บางเรื่องทั้งดีและน่าดึงดูด ซึ่ง The Jungle Book หรือ “เมาคลีลูกหมาป่า” ที่กำกับโดยจอน เฟฟโร และเขียนบทโดยจัสติน มาร์กส์ มีทั้งสองอย่าง ดูอนิเมะ
สิ่งที่ดีของงานรีเมกนี้ก็คือการพัฒนาจากหนังการ์ตูนเด็กน้อย ขำขัน ร้องรำทำเพลง เนื้อหาเบาๆ ให้เป็นฉบับใหม่ที่มีความลึกและซับซ้อนมากขึ้น โดยยังคงองค์ประกอบหลายอย่างของต้นฉบับปี 1967 ไว้ ให้ผู้ที่ชื่นชอบฉบับเก่าได้มีอารมณ์หวน
ความหลัง แต่เห็นถึงการเติบโตอย่างชัดเจนจากของเก่า ทั้งยังสอดแทรกแง่คิดเรื่องการอยู่ร่วมกับป่าอย่างแนบเนียน ส่วนความน่าดึงดูดของหนังนั้นก็มาจากงานสร้าง งานเทคนิคด้านภาพ การสร้างตัวละครสิงสาราสัตว์ต่างๆ ได้อย่างมีชีวิตและดีที่สุดที่
เคยมีมาบนแผ่นฟิล์ม เป็นการสร้างภาพในลักษณะที่เหมือนจริงมาก แต่ก็มีความเกินจริงจากธรรมชาติเพิ่มเติมเข้าไปอย่างลงตัว เรื่องราวของเมาคลี (นิล เศรษฐี) ในฉบับนี้ก็คือเรื่องราวของ“ลูกมนุษย์ที่อยากอยู่ในป่า” ตามที่ราชาลูอี้ (คริสโตเฟอร์ วอลเคน) บอกในหนัง เมาคลีเป็นเด็กที่รอดจากการถูกเสือโคร่งเชียร์ข่าน (ไอดริส เอลบา) ฆ่า ได้รับการจากช่วยเหลือเสือดำบากีร่า
(เบน คิงสลี่) ผู้ที่นำเมาคลีมาฝากให้แม่หมาป่ารัคชา (ลูปิตา ยองโก) ที่เลี้ยงดูเสมือนลูกของเธอเอง แต่การอยู่ในป่านั้น เมาคลีต้องยึด“กฎของป่า”อย่างเคร่งครัด ทว่าเมาคลีไม่ใช่หมาป่า ไม่มีทางวิ่งเร็วเท่าตัวอื่น ไม่มีเขี้ยวเล็บ มีเพียงปัญญาในแบบมนุษย์
ที่ช่วยเอาตัวรอด มันจึงกลายเป็นความขัดแย้ง เพราะปัญญาของมนุษย์เป็นสิ่งที่บรรดาสัตว์ทั้งหลายมองว่าน่ากลัวหรือแปลกแยก แล้วความขัดแย้งก็เข้มข้นขึ้นเมื่อเชียร์ข่านกลับมาเตือนว่า “มนุษย์เป็นสิ่งต้องห้าม”ยังไง ทั้งยังจะฆ่าเมาคลีให้ได้ บากีร่ากับฝูงหมาป่าจึงจำใจส่งเมาคลีให้ไปอยู่หมู่บ้านมนุษย์ที่เมาคลีไม่คุ้นชิน เพื่อเป็นการดีแก่ทุกฝ่าย
สภาพของเมาคลีก็ไม่ต่างจากสัตว์ป่าที่ถูกมนุษย์เอามาเลี้ยงไว้ตั้งแต่เด็ก มันยังมีสันดานป่าดั้งเดิมที่อาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์ แต่จะนำไปปล่อยป่าหรือก็คงอยู่ไม่รอด จำเป็นต้องปรับตัวให้ได้มากที่สุด เมาคลีก็ต้องปรับให้ความเป็นมนุษย์เข้ากับวิถีของป่าให้ได้ ต้องหาจุดที่สมดุลให้ได้ แล้วการเรียนรู้ของตัวละครในเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นระหว่างที่เมาคลีเดินทางสู่หมู่บ้านมนุษย์ ดูอนิเมะออนไลน์
การเรียนรู้ว่าจะต้องปรับตัวให้ได้ยังไง ขั้นแรกที่จะทำได้คือรู้จักตัวเองให้ดีเสียก่อน โดยเมาคลีได้รู้จักที่มาของตัวเองจากคา (สการ์เลต โจแฮนสัน) นางพญางูเหลือมนักสะกดจิต, ได้รู้จักด้านดีของปัญญามนุษย์จากบาลู (บิล เมอเรย์) หมีใหญ่รักเสรี ที่ชี้
ชวนให้รู้จักที่จะ“งอ”กฎเพื่อให้ใช้ชีวิตได้อิสระ แล้วให้นำปัญญานั้นมาสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ และได้เรียนรู้จากลูอี้ถึงความน่ากลัวของปัญญามนุษย์ หากถูกใช้ไปในทางที่ผิด และลูอี้ก็อยากใช้มันมาช่วยเพื่อให้ตัวเองได้ครอบครองป่าทั้งหมด
หนังเล่าเรื่องราวทั้งหมดผ่านสายตาของบากีราที่พยายามกดความเป็นมนุษย์ของเมาคลีไว้ ด้วยเกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อทั้งเมาคลีและต่อป่า แต่บากีราก็เป็นผู้แรกที่ได้ตระหนักว่าปัญญามนุษย์ของเมาคลีก็อาจเป็นผลดีแก่ป่าเช่นกัน หากนำมาใช้ในทางที่ถูก และยังแนะนำให้เมาคลีได้ใช้ข้อดีของความเป็นมนุษย์ในการเอาชนะเชียร์ข่านด้วย
เรื่องราวที่ซับซ้อนขึ้นนี้คงไม่สนุกหากไม่ได้ชั้นเชิงของผู้กำกับเฟฟโรที่เคยใช้ได้ผลใน Zathura และ Iron Man ให้การสร้างหนังที่เด็กจะบันเทิง แต่ก็มีความลึกที่ผู้ใหญ่จะชอบ ทั้งยังรู้แทรกสาระไม่ให้ออกมาดูเป็น“โฆษณาชวนเชื่อ” ด้วย มีการใช้กล้อง
ที่วิ่งไล่ติดตามตัวเมาคลีไปให้เรารู้สึกเหมือนโจนทะยานไปด้วย แต่ตัวขโมยซีนแท้จริงก็คงเป็นงานเทคนิคพิเศษ โดยเฉพาะการสร้างตัวละครสิงสาราสัตว์ด้วย CG ที่ล้ำไปอีกขั้นนับจาก Life of Pi ละเอียดสมบูรณ์ไปจนถึงการเยื้องย่างและแววตาที่ใช้สื่อ
อารมณ์ ซึ่งเมื่อผสมการพากย์ของนักแสดงขั้นเทพแล้วทำให้ทุกตัวละครแผ่รังสีบุคลิกของตัวละครออกมา เชียร์ข่านเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด เราสัมผัสได้ถึงรังสีของความอำมหิต ดุร้าย เจ้าเล่ห์ ที่ทำให้รู้สึกได้ว่าเสือตัวนี้ขย้ำเราได้จริงๆ แม้ในยามที่เหมือนกำลังเล่นอยู่กับใคร ก็สร้างความหวาดระแวงและน่ากลัวได้จริง ยกระดับจากการเป็นตัวร้ายการ์ตูนๆ จากฉบับเก่า รีวิวการ์ตูน
เฟฟโรก็น่าจะเป็นแฟนฉบับเก่าอยู่ไม่น้อย ไม่งั้นคงต่อยอดจากของเดิมไม่ดีเท่านี้ แต่ความชอบเช่นนี้ก็อาจเป็นดาบสองคมได้ เพราะทำให้ลืมไปว่าบางอย่างของฉบับเก่าอาจไม่เข้ากับฉบับใหม่ แต่ความชอบเป็นพิเศษนั้นทำให้อยากนำมาใส่เข้าไป เป็น
ต้นว่าใส่ฉากร้องเพลงของฉบับเก่าเข้ามา ซึ่งฉากเพลง “The Bare Necessities” เป็นการใส่ที่ดี กลมกลืน เพราะเข้ากับเหตุการณ์ท้องเรื่องของหนังขณะนั้น ขณะที่ฉาก “I Wan’na Be Like You” ขัดกับความขึงขังของหนัง และทำให้หนังผจญภัยตื่นเต้นเรื่องหนึ่งจู่ ๆ กลายเป็นหนังเพลงแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย