รีวิว Frozen 2
เจ้าหญิงที่มีพลังวิเศษคือการสร้างหิมะเเละน้ำเเข็งได้ เเต่เนื่องจากเอลซ่านั้นยังเด็กจึงไม่ได้สามารถควบคุมพลังของตัวเองได้ทำให้มีครั้งหนึ่งเอลซ่าเผลอใช้พลังนั้นกับอันนา น้องสาวของเธอ จึงทำให้พ่อเเละเเม่ต้องจับทั้งอันนาเเละเอลซ่าเเยกออกจากกัน ทำให้ทั้งคู่ไม่สนิทกันเหมือนเเต่ก่อน เอลซ่าสงสัยในพลังของเธอว่ามีขึ้นมาได้ยังไงเเต่ในภาคเเรกยังคงทิ้งคำถามนั้นเป็นปริศนา เเละได้มาตอบคำถามนั้นในภาคที่ 2 ที่มีชื่อว่า Frozen 2 ผจญภัยปริศนาราชินีหิมะ
เนื้อเรื่อง รีวิว FROZEN 2
เนื้อหาในภาคที่ 2 จะเป็นการเล่าถึงการไขปริศนาที่ว่าเอลซ่ามีพลังวิเศษนี้มาจากไหน ซึ่งทำให้ภาคนี้จะเน้นไปในทางการผจญภัยของทั้งอันนาเเละเอลซ่ารวมถึงคริสตอฟฟ์ สเฟนเเละโอลาฟด้วย ซึ่งในภาคนี้ทำให้เห็นถึงการเติบโตของทั้งอันนาเเละเอลซ่ามากขึ้น ทั้งสองคนสวยขึ้นมากเพราะภาคเเรกนั้นทั้งคู่ยังเด็กอยู่ บุคลิกของเอลซ่าจะสุขุมมากขึ้น ส่วนตัวอันนาก็ยังสดใสร่าเริง
เรื่องย่อ รีวิว FROZEN 2
เหมือนเดิมเพียงเเต่โตขึ้นนั่นเอง ส่วนตัวละครอื่นนั้นยังคงความภาคเเรกไว้เป๊ะเลยนะคะ ส่วนตัวเราจะชอบโอลาฟมากที่สุดเลยเพราะนางน่ารักเราเอ็นดูนางมาก ๆ ภาคนี้นางจะมีความโตขึ้นเล็กน้อยเเต่ก็ยังตลกเเละเรียกเสียงหัวเราะให้เเก่การ์ตูนได้ทั้งเรื่องเลยค่ะ เเต่พอฉากซึ้งเราก็เเทบจะร้องไห้ตามเลยนะคะ
นอกจากพัฒนาการที่โตขึ้นสวยขึ้นของเหล่าตัวละครเเล้ว เเม้ว่าจะเป็นการ์ตูนที่เหมาะสำหรับเด็กเเต่ถ้าผู้ใหญ่อย่างเราได้ดูเเล้วเรื่องนี้ยังมีข้อคิดที่เราได้รับเยอะเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ของพี่น้อง เเม้ว่าทั้งอันนาเเละเอลซ่าจะไม่ได้สนิทกันเหมือนตอนเด็ก ๆ เพราะอุปสรรคจากพลังของเองซ่าเเต่ในภาคนี้เมื่อเอลซ่าต้องออกไปยังดินเเดนที่ค่อนข้างอันตรายเพื่อไปไขปริศนาที่มาของพลังตัวเอง อันนาด้วยความเป็นห่วงพี่สาวจึงเเอบตามด้วยเเม้จะมีอุปสรรคมากมายเกิดขึ้นมากมายเเต่ความเป็นครอบครัวทำให้ทั้งคู่นั้นรักเเละเป็นห่วงกันเเละไม่ทอดทิ้งกันค่ะ อนิเมะ
เเละจะบอกว่าภาคนี้โดดเด่นในเรื่องของความกล้าหาญเเละเสียสละอย่างมากเลยค่ะ สำหรับเราทุกตัวละครในภาคนี้ทุกคนต่างมีความกล้าหาญเเละเสียสละในเเนวทางของตัวเองกันทุกคน เรารับรู้ได้ถึงความรักที่ทุกคนมีให้กัน ดูเเล้วรู้สึกอบอุ่นหัวใจมาก ๆ เเม้ว่าบางฉากจะเศร้ามากก็ตาม
สิ่งที่จะไม่พูดถึงในภาคนี้ไม่ได้เลยก็คือ ในเรื่องของเพลงตอนที่เราฟังครั้งเเรกเราขนลุกในพลังเสียงของนักร้องมาก เเม้ว่าฟังครั้งเเรกอาจจะยังไม่ค่อยติดหูนักเเต่พอกลับมาฟังหลังดูหนังจบเเล้วเรารู้สึกว่าเพลงเขาเพราะมากเลยค่ะ เพราะเพลงในภาคนี้เนื่องจากทุกตัวละครโตขึ้นเราฟังเพลงนี้เราจึงรู้สึกว่ามันเหมาะมาก เเละเมื่อได้ลองฟังเพลงเวอร์ชั่นภาษาไทย ที่คุณเเก้ม เดอะสตาร์ หรือ เเก้ม วิชญาณี อย่างที่รู้ ๆกันว่าเสียงของเเก้มนั้นมีพลังมากมายบวกกับเสียงอันทรงพลังเเละมีเสน่ห์ทำให้บทเพลงที่ร้องออกมายิ่งเพราะเข้าไปใหญ่เลยค่ะ
กระเเสที่ดังทั่วบ้านทั่วเมืองในภาคนี้ทั้งในไทยเเละต่างประเทศทำให้ frozen 2 กวาดรายได้ไปทั้งหมดสูงถึง 1,160 ล้านเหรียญ อีกทั้งยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ ถึง 2 สาขาด้วยกัน คือ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมสาขาแอนิเมชัน และเพลงประกอบดั้งเดิมยอดเยี่ยม “Into the Unknown” ไม่ธรรมดาเลยใช่ไหมล่ะคะ
หลัง Frozen สร้างปรากฎการณ์ไปทั่วโลกเมื่อ 6 ปีก่อนส่งผลให้ เอลซา และ อันนา กลายเป็นเจ้าหญิงดิสนีย์ยุคใหม่ที่ไม่ต้องรอพึ่งพาผู้ชายเหมือนในแอนิเมชันคลาสสิกของค่าย ที่สำคัญคือมันล้างอาถรรพ์และคำสบประมาทที่ว่า ดิสนีย์ ทำแอนิเมชัน 3 มิติไม่ได้ดีเท่าพิกซาร์ ไปได้แบบราบคาบจริง ๆ โดยยังคงเอกลักษณ์แอนิเมชันที่เล่าเรื่องด้วยมิวสิคัลและเพลงประกอบ อนิเมะออนไลน์
ภาพยนตร์ก็ฮิตติดลมบนไปตามระเบียบ และ เพื่อสานต่อเสียงเรียกร้องของแฟนคลับ ( และ รายได้มหาศาลที่จะหลั่งไหลมาสู่บริษัท) คริส บัค และ เจนนิเฟอร์ ลี จึงกลับมาสานต่อตำนานอีกครั้ง เพียงแต่คราวนี้งานยากเป็นเท่าทวี เพราะไหนจะต้องรักษาศรัทธาคนดูต่อหนัง และ ตัวละคร Frozen อันเป็นที่รัก ไหนจะต้องทำเพลงประกอบภาพยนตร์ให้ได้มาตรฐานเหมือนเดิม
ที่สำคัญคือการหาเรื่องราวที่ใช่สำหรับการต่อลมหายใจให้ เอลซ่า และ อันนา กลับมาโลดแล่นบนจออีกครั้ง และ ก็ถือว่าโชคดีที่ความตั้งใจในการบ่มเพาะเรื่องราว และ คุณภาพในการผลิตเกิดเป็นภาคต่อที่ถึงพร้อมด้วยความบันเทิงแบบจัดเต็มให้แฟนคลับได้ฟินกันทั้งเรื่องแบบนี้
สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือ การที่ผู้สร้างก็รู้แหละว่าทำยังไงก็คงไม่ได้ดีกว่าภาคแรกอีกแล้ว ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาโฟกัสเลยคือการหาสูตรสำเร็จที่แฟน ๆ น่าจะชอบประหนึ่งไปนั่งอ่านรีวิวจากคนดูแล้วลิสต์มาเขียนบทเลย เริ่มจากการให้ เอลซา ปล่อยพลังมากขึ้น ซึ่งคราวนี้คุณเธอก็ไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรอีกแล้วแถมยังมีโอกาสได้ปล่อยนำ้แข็งกันแบบ ฮีโรค่ายมาร์เวลยังอายม้วนต้วน
ตั้งแต่ทอดสะพานน้ำแข็งบนทะเลที่เราได้เห็นตัวอย่างแล้ว เธอยังตะบี้ตะบัน “แช่แข็ง” มันทุกอย่างที่ขวางหน้าทั้ง ไฟป่า ทั้ง “ปั้นน้ำเป็นตัว” ด้วยตรรกะ “น้ำมีความทรงจำ” เพื่อให้เห็นอดีต และ ไขปริศนา ไปจนถึงตอนจบที่…เอ่อ… (เล่าไม่ได้เดี๋ยวสปอยล์ เอาเป็นว่ามันก็เกี่ยวกับเรื่องแช่แข็งนี่ด้วยละกันครับ 555) หรือกระทั่ง โอลาฟ ที่คราวนี้ก็มีบทบาทมากขึ้น แถมเรายังใช้
คำว่าขโมยซีนได้ลำบากเหลือเกิน เพราะเหมือนบทเขียนมาให้ซีนนางแบบจงใจมาก ซึ่งตรงนี้ถ้าใครชื่นชอบโอลาฟ ก็คงฟินลึ่มกันเลยทีเดียว ทั้งมีเพลงที่น่าจะฮิตต่อไปอย่าง When I am older หรือ Something never change ที่ร้องร่วมกับตัวละครอื่น ๆ ซึ่งก็ต้องยอมรับในเสน่ห์การพากย์ และ ร้องเพลงของ จอช แกด ที่ทำให้เจ้ามนุษย์หิมะเป็นขวัญใจคนดูได้ โดยมุกเด็ดภาค ดูอนิเมะ
นี้คือมุก “ความเดิมตอนที่แล้ว” ที่ต้องยอมในความ”กาว”ของคนเขียนบทจริง ๆ และ ถ้ายังคิวต์ไม่พอ ภาคนี้ยังเพิ่มน้อง “จิ้งเหลนไฟ” ที่ออกแบบได้น่าเอ็นดูแบบอยากกลับไปกอดจิ้งจกที่บ้านมาเรียกเสียง “งุ้ย” กันลั่นโรงแน่นอน
และ แน่นอนอีกองค์ประกอบของแอนิเมชันมิวสิคัลแบบดิสนีย์ คือเพลงประกอบภาพยนตร์ ยอมรับนะครับว่าเพลงเปิดตัวอย่าง Into the Unknown อาจยังไม่ติดหูเท่าไหร่ แถมยังพาลให้นึกถึง Spechless จาก Aladdin ที่ฉายไปก่อนอย่างช่วยไม่ได้ แต่กระนั้นก็ต้องยอมรับในฝีมือทีมทำเพลงของ Frozen ที่ยังรักษามาตรฐานไว้ได้น่าชื่นชมทีเดียวทั้งมิวสิคัลอลังการที่ต้อง
อาศัยเสียงคอรัสหนัก ๆ ทั้งเพลง All is Found หรือ Show Yourself ที่ได้ฟังในหนังก็อดขนลุกตามไม่ได้ แต่ถ้าจะคิดว่าในหนังคงมีแต่เพลงมิวสิคัลอลังการขลัง ๆ แบบภาคแรกแล้วล่ะก็…คุณคิด….ผิด ! เพราะคราวนี้หนังยังอุตส่าห์เพิ่มความกาวด้วยการแต่งเพลงบัลลาดสไตล์จิ๊กโก๋อกหักอย่าง Lost In The Woods ให้ โจนาธาน กรอฟ ร้องเป็นตัวละครคริสทอฟ ในฉากที่เขาต้องพลัดพรากจากอันนา ด้วยดนตรีแบบบัลลาดร็อกที่ชวนให้นึกถึงเพลงร็อกช้า ๆ หวาน ๆ อกหัก ๆ ยุค 80s. แถมยังทำภาพ
เลียนแบบมิวสิกวีดีโอยุคนั้นทั้งให้ตัวละครเดินไปมาในป่า หรือการผสมภาพทั้งใบหน้าตอนร้องเพลง และ ทำอิริยาบถที่แสดงถึงอาการอกหักแบบชาวร็อก ก็นับว่าเป็นความสร้างสรรค์ของผู้สร้างที่ทำออกมาเรียกเสียงฮา และ ทำให้เพลงนี้น่าจะกลายเป็นเพลงสามัญประจำสมาร์ตโฟนได้ไม่ยากเลย ดูอนิเมะออนไลน์
กระนั้นหนังก็ยังมีจุดบกพร่องที่เห็นได้ชัด ๆ อยู่บ้างอาทิ การให้บทบาท อันนา ที่น้อยเกินไปจนแทบไม่มีความจำเป็นกับเรื่องราวไปกว่าพาร์ตโรแมนติกระหว่างเธอกับคริสทอฟ หรือความขัดแย้งในประวัติศาสตร์ระหว่าง เอเรนเดล กับ นอร์ธัลดรา ที่เป็นหัวใจหลักของเรื่อง ตัวหนังก็ไม่กล้าลงลึกหรือขยี้ให้มากพอ เพราะกลัวเรื่องราวจะมืดหม่นเกินไปจนน่าเสียดาย
เพราะเอาเข้าจริง..ปมขัดแย้งนี้แทบจะเป็นจุดเด่นของเรื่องราวเลยก็ว่าได้ แต่เรากลับเห็นแค่ภาพจากคำบอกเล่าของพ่อ และ ตอนเฉลยที่มาที่ไปของเรื่องราว ซึ่งก็ไม่ได้ยากเกินคาดเดาเท่าใดนัก แต่ยังดีที่งานภาพของหนังที่อลังการมากขึ้นก็มีผลให้เกิดความประทับใจได้ไม่ยาก แม้โดยภาพรวมจะแทบลอกพิมพ์เขียวภาคก่อนมาเป็นฉาก ๆ ก็เถอะนะ.
ปิดท้ายที่คำเตือนเดียว และ ถือเป็นอันตรายต่อ(กระเป๋าตังค์) พ่อแม่ที่จะพาลูกสาวไปดู Frozen 2 คือชุด เอลซา ชุดใหม่นางสวยมาก กรุยกราย มีรสนิยม และ แน่นอน ว่าต้องมีทั้งของเล่น และ คอสตูม มาให้เสียตังค์กันตั้งแต่ออกโรงแน่นอน เพราะจากรอบสื่อที่ไปดู ตอนนี้ดิสนีย์ได้วางกับดักเป็น ร้านชั่วคราวอยู่หน้าโรงหนังเลย รีวิวการ์ตูน
สรุป Frozen 2 ผจญภัยปริศนาราชินีหิมะ เราคิดว่าเเอนิเมชั่นเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ควรค่าเเก่การดูนะคะ เรารับรองว่าหลังดูจบเเล้วนักอ่านหลาย ๆท่านน่าจะได้อะไรจากบทสรุปของ Frozen ในภาคนี้ไม่มากก็น้อยค่ะ เเละถ้าหากใครสนใจอยากจะไปรับชมความสนุกของเเอนิเมชั่นเรื่องนี้