รีวิว Raya
Raya and The Last Dragon (รายากับมังกรตัวสุดท้าย) ภาพยนตร์แอนิเมชันแนวแอ็คชั่นผจญภัยแฟนตาซีสัญชาติอเมริกัน ผลิตโดยวอลต์ดิสนีย์พิกเชอส์และวอลต์ดิสนีย์แอนิเมชันสตูดิโอส์ จัดจำหน่ายโดยวอลต์ดิสนีย์สตูดิโอส์โมชันพิกเชอส์ โดยเป็นภาพยนตร์ลำดับที่ 59 ที่สร้างโดยสตูดิโอนี้ กำกับโดยดอน ฮอลล์และคาร์ลอส โลเปซ เอสตราดา หัวหน้าร่างสตอรี่บอร์ดโดยคน อนิเมะ
เนื้อเรื่อง รีวิว Raya
ไทยจากศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหิดล ประสานสุข วีระสุนทร เขียนบทโดยฉุย เหงียน และอะเดล ลิม และดนตรีประกอบแต่งโดยเจมส์ นิวตัน โฮเวิร์ด พากย์เสียงโดยนักแสดงชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียเกือบทั้งหมดอย่าง เคลลี่ มารี ทราน หรือ โรส ทิโค่ จากสตาร์ วอร์ ปัจฉิมบทเจได ในบทรายา และอควาฟินา จาก กอดสุดท้าย คุณยายที่รัก ในบทซีซู มังกรตัวสุดท้าย พร้อมด้วย
เจมมา ชาน จาก เครซี่ ริช เอเชี่ยนส์ เหลี่ยมโบตัน และ กัปตันมาร์เวล พร้อมด้วย แดเนียล แด คิม, ซานดรา โอห์, เบเนดิกต์ หว่อง, ไอแซค หวัง, ธาเลีย ทราน และอลัน ทูดิก โดยกำหนดฉายควบทั้งในโรงและในบริการสตรีมมิ่งของดิสนีย์ใครจะไปคาดคิดกันว่าดิสนีย์จะหยิบนำวัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่รวมกว่าสิบประเทศให้มาอยู่ในโปรเจกต์อนิเมชั่นยักษ์ใหญ่ที่ อนิเมะออนไลน์
มีการผสมผสานของหลากหลายวัฒนธรรมบนดินแดนเดียวกัน ผสมกับความแฟนตาซีแบบที่ดิสนีย์ถนัดมือ แต่ก็ต้องมาเรียนรู้และนับหนึ่งกันใหม่ เมื่อทีมงานต้องศึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อเนรมิตให้วัฒนธรรมที่ทำออกมาสามารถนำเสนอได้อย่างไม่มีการผิดพลาด หรือทำลายวัฒนธรรมหนึ่งผ่านตัวละครเจ้าหญิงคนใหม่ และจากเอเชียตะวันเฉียงใต้คนแรกของโลกอย่าง รายา หญิงสาวผู้มุ่งมั่นที่จะออกตามหามังกรที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก พญานาค (มีขา?) เพื่อปลดปล่อยอาณาจักรจากความมืด
ทั้งปวง เรียกได้ว่านอกจากทีมงานจะต้องทำการบ้านใหญ่ โดยได้ชาวไทยอย่างฝน วีรสุนทร ผู้สร้างเจ้าของรางวัลจาก โฟรเซ่น ทั้ง 2 ภาค และ ซูโทเปีย มานั่งแท่นเขียนสตอรี่บอร์ดหรือออกแบบภาพเพื่อให้งานภาพออกมาสวยตามที่มีรายละเอียดมากที่สุดด้วยความตั้งใจ สมทบด้วยฉากแอ็คชั่นระดับหนังบู๊ที่ดิสนีย์ขอจัดเต็มแบบไม่เกรงใจเทพนิยายเรื่องอื่น ๆ ด้วยการคว้าคนเขียนบทจาก อะเดล ลิม เครซี่ ริช เอเชี่ยนส์ เหลี่ยมโบตัน และฉากแอ็คชั่นที่เป็นเอกลักษณ์ที่หยิบนำศิลปะการป้องกันตัวจาก
เรื่องย่อ รีวิว Raya
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ ฉุย เหงียน ซึ่งจะต้องให้รสชาติที่แปลกใหม่และไม่ซ้ำใครแน่ ๆ ที่สำคัญกระบวนการสร้างของภาพยนตร์เรื่องนี้คือ WORK FROM HOME คุยงานผ่านเฟซไทม์ พากย์เสียงผ่านทางไกลในบ้าน ทำทุกอย่างที่บ้านในช่วงยุคโควิด ยิ่งเพิ่มความท้าทายให้ทีมงานเข้าไปอีก แต่ในที่สุดภาพยนตร์ก็ได้คำวิจารณ์ในแง่บวกเรียบร้อยโรงเรียนดิสนีย์ แค่นี้ก็ตื่นเต้นจะแย่อยู่แล้วมาอ่านเรื่องย่อกันก่อนเลย ดูอนิเมะ
“คูมันตรา ดินแดนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีรายา นักรบหญิงพเนจรผู้หลบหนีออกมาจากเหตุร้ายที่คร่าชีวิตครอบครัวของเธอไปจนหมด ปฏิญาณเดียวที่เธอต้องทำและเธอจะไม่เชื่อใจใครทั้งนั้น เธอและสัตว์พาหนะเพื่อนรักของเธออย่างตุ๊ก ตุ๊ก จึงต้องออกเดินทางผ่านห้าอาณาจักรที่ตั้งชื่อตามส่วนต่าง ๆ ของมังกร เพื่อนำผลึกมังกร และ มังกรตัวสุดท้าย ชิซู ที่ในตำนานกล่าวไว้ว่า เป็นผู้กอบกู้อาณาจักรในอดีต มาหลอมรวมกันเพื่อสร้างความสงบสุขอีกครั้ง แต่เรื่องมันไม่
ง่ายแบบนั้น เมื่อชนเผ่าต่าง ๆ ที่เคยสามัคคีก็ลุกขึ้นมาต่อสู้ และ แก่งแย่งชิงกันไม่สิ้นสุด ความไม่เชื่อใจเข้าปกคลุมอาณาจักร รายาต้องเรียนรู้ที่จะต่อสู้กับความบาดหมางในอดีตที่เกิดขึ้นกับคนรุ่นก่อน และ ความสัมพันธ์ที่มีต่อคนรอบตัว หาทางรวมใจทุกเผ่าเพื่อกอบกู้อาณาจักรให้กลับมาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง ก่อนที่ความมืดที่ชั่วร้ายอย่าง ดรูน จะกลืนกินทุกชีวิตในอาณาจักรไปจนหมดสิ้น” ดูอนิเมะออนไลน์
ก่อนที่รายาจะฉายนั้น มีอนิเมชั่นสั้นตามธรรมเนียมดิสนีย์ให้ดูกันประมาณ 10 นาทีชื่อว่า Us Again เหมือนอย่างเคย เป็นอนิเมชั่นที่ไม่มีบทพูดแต่เป็นเหมือนโชว์ก่อนแสดงของดิสนีย์ซึ่งผมจะไม่สปอยเนื้อเรื่องเพราะมันไม่มีอะไรนอกจากเพลงแจ๊สกับงานภาพสวย ๆ ระดับทอย สตอรี่ให้ดูเพลิน ๆ จากนั้นเมื่อเข้าเรื่องมาก็จะมีกลิ่นอายของความเป็นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มันลอยเข้ามาเลยด้วยงานภาพสไตล์ตะวันตกแต่ถูกบอกเล่าผ่านสภาพแวดล้อมแบบอาเซียน พลอตแบบอนิเมชั่นที่ชวนให้นึกถึง
อนิเมชั่นไทยเรื่องหนึ่งอย่าง 9 ศาตรา (ที่มีแก่นหลักของเรื่องคล้าย ๆ กันรวมถึงการนำเสนอฉากการต่อสู้แบบดุเดือดด้วย) ปมตำนานจุดเริ่มต้นหรืออะไรต่าง ๆ มันคล้าย ๆ กัน และ ค่อนข้างจับต้องง่ายภายในเวลาห้านาที และ การเล่าเรื่องนี้เองที่
ส่วนตัวมองว่ามันรวบรัดไปหน่อย แป๊บเดียวเรื่องก็ไปข้างหน้าไวมาก ๆ เหมือนกับจะรีบโยนตัวละครให้เข้าไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สุดจะตื่นเต้น เหมือนเป็นสคริปต์ที่ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับตัวละครอื่น ๆ นอกจากรายา และบทก็ค่อนข้างจะหลวม ๆ ไม่ค่อย
แน่น ค่อนข้างที่จะคาดเดาง่าย และ แทบไม่ขยี้เรื่องเลย แป๊บเดียวเปลี่ยนเรื่อง เดี๋ยวก็ตลกเดี๋ยวก็เศร้า เปลี่ยนไปเร็วมาก แต่ก็ยังดี ดูได้เพลิน ๆ ไม่มีอะไรให้รู้สึกเบื่อตามมาตรฐานของดิสนีย์อยู่ แค่รู้สึกว่าชอบอนิเมชั่นเรื่องก่อน ๆ มากกว่า แค่นั้น
แถมยังรู้สึกว่าโทนเรื่องมันเคยมีมาก่อนใน BRAVE ของพิกซาร์สตูดิโอเดียวกัน มันเลยค่อนข้างเฉย ๆสิ่งที่จะมาช่วยอุดในบทที่หลวมของตัวละครจึงเป็นสภาพแวดล้อม และ การนำเสนอ ในแต่ละฉากจะชวนให้เรานึกถึงประเทศไทย อาหารการกิน ผู้คน บ้านเมือง สิ่งของ พื้นที่ต่าง ๆ เป็นการจำลองสถานที่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลย รายาก็มีความโดดเด่นในบุคลิก และ การต่อสู้ และ โชว์ รีวิวการ์ตูน
ให้เห็นมุมที่มากกว่าเจ้าหญิงคนหนึ่งจะเป็นได้ ในขณะชื่อตัวละครเสริมอื่น ๆ ยังเป็นแบบไทย ๆ และ มีเสน่ห์แตกต่างกันไปตามดินแดนนั้น ๆ และ มีปมเข้มข้นเป็นของตัวเอง ตัวละครประเภทสัตว์โลกหรืออะไรน่ารัก ๆ ก็มีให้ออกมาขำ และ เอ็นกูกับความน่ารัก นอกจากนี้ฉาก และ มุมกล้องต่าง ๆ ยังแปลกตา ชวนให้นึกถึงหนังแอ็คชั่น ฉากต่อสู้ระหว่างตัวละครถือว่ายกระดับดิสนีย์ไปเลย เพราะมันมีการตีรันฟันแทงแบบจัดเต็ม มุมกล้องฉับไว และ ชวนให้นึกถึงหนังผจญภัยอย่าง Indiana Jones
and the Last Crusade โดยเฉพาะในช่วงแรก ๆ ของเรื่อง ซึ่งเป็นแบบที่ไม่คาดคิดว่าดิสนีย์จะทำ แม้จะได้ยินว่าได้แรงบันดาลใจจากอินเดียน่า โจนน์ เพราะมีฉากผจญภัยแบบล่าสมบัติเบา ๆ แต่เสียดายที่ไม่ได้ตื่นตามากอย่างที่คิด เหมือนเป็นการเดินทางไปเรื่อย ๆ และ จะมีการผจญภัยที่สุดตื่นตราได้บางฉาก แต่ก็ไม่ได้แฟนตาซีจ๋า ๆ ผจญภัยบู๊แหลกราญขนาดนั้น มันจะมีเป็นระยะ
การผสมผสานทำให้เราได้เห็นมวยไทย กระบี่กระบองในเรื่องด้วย ซึ่งใครไปดูก็จะเก็ตเลยว่ามันก็คือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี่เอง การต่อสู้จะค่อนข้างมีหมัด มีดาบ มีมวย และ แทบไม่มีเรื่องของความรักตามแบบเจ้าหญิงควรจะมีด้วย เพราะตัวละครหลัก ๆ จะเป็นผู้หญิง ผู้ชายแทบจะไม่มีบทเด่นสำคัญหรือมีผลต่อความสัมพันธ์อะไรเหมือนดิสนีย์ และ มันก็ทำออกมาได้ดีด้วย