รีวิว Toy Story 4
สำหรับภาคนี้ เนื้อเรื่องยังคงเล่าเรื่องตามสไตล์ Toy Story อยู่เช่นเคย ซึ่งบางคน (รวมถึงคนเขียน) ยังรู้สึกว่าแฟรนไชส์ Toy Story จบสมบูรณ์ไปแล้วในภาคที่ 3 แต่พอมีภาค 4 ขึ้นมาก็มีความกล้าๆ กลัวๆ อยู่ว่าจะไปรอดรึเปล่าแต่พอดูเข้าจริงๆ กลายเป็นว่า “มันไปได้ด้วยเว้ยเฮ้ย (ฮาาาา)” ด้วยความที่ตอนท้ายของภาค 3 คือ การส่งต่อของเล่นของแอนดี้ให้กับเจ้าหนูโบนี่ ทำให้ตอนจบของภาคนั้นมันสมบูรณ์และสวยงาม พอมาภาคที่ 4 เลยทำให้ประเด็นหลักจริงๆ ของภาคนี้ดูเบาไปเลยย
เนื้อเรื่อง รีวิว Toy Story 4
เนื้อเรื่องภาคนี้ไม่ได้ติดตามของเล่นตัวเก่าๆ ทั้งหมดแบบที่ผ่านมา นี่ไม่ใช่การผจญภัยร่วมมือกันของเหล่าผองเพื่อน แต่เป็นการฉายเดี่ยวของวู้ดดี้ ใช่ครับ ภาคนี้วู้ดดี้บทเยอะสุด เยอะกว่าใครเพื่อน เพราะวู้ดดี้ต้องไปตามหาฟอร์กกี้ที่หนีออกไปจากกลุ่ม เพราะไม่ยอมเชื่อว่าตัวเองเป็นของเล่น คิดว่าตัวเองเป็นขยะ อนิเมะ
นอกจากนี้ภาคนี้ยังเป็นการกลับมาของ โบ ปี๊ป ตุ๊กตาเลี้ยงแกะและแกะสามหัวของเธอจากสองภาคแรก แต่กลับมาในแบบสาวแกร่งเพราะทั้งสองต้องอยู่ด้วยตัวเองตลอดมา เธอเป็นตัวละครที่เด่นที่สุดในเรื่อง มากกว่าวู้ดดี้ซะอีก ถึงแม้เวลาบนจอจะออกมาน้อยกว่านิดหน่อย เพราะตัวละครของเธอโดดเด่นกว่าใคร แกร่ง มั่นใจในตัวเอง เด็ดขาด เป็นผู้นำ แต่ก็ยังมีมุมอ่อนโยน รักพวกพ้อง
ภาคนี้ก็มีของเล่นตัวใหม่ๆ เหมือนกัน แต่ตัวที่เด่นๆ ก็คือแก็บบี้ ตุ๊กตานางร้ายในเรื่อง, ดุ๊ก คาบูม ของเล่นนักกายกรรมมอเตอร์ไซค์ผาดโผนที่ให้เสียงโดย คีอานู รีฟส์, กิ๊กเกิล แมคดิมเบิล, ดั๊กกี้ และบันนี่ นอกจากนั้นก็เป็นแค่ตัวประกอบธรรมดา ตัวเด่นๆ เหล่านี้คือสมาชิกแก๊งใหม่ที่วู้ดดี้กับโบใช้เวลาอยู่ผจญภัยด้วยมากที่สุด ความน่าสนใจก็พอใช้ได้ แต่บทส่วนใหญ่เอามายิงมุขซะมากกว่า อนิเมะออนไลน์
ในเมื่อมีแก๊งใหม่ แก๊งเก่าๆ ที่เรารู้จักคุ้นเคยกันดีอย่างเร็กซ์ มิสเตอร์และมิสซิสโปเตโต้เฮด คุณหมูกระปุกออมสิน สลิงกี้ เจสซี่ และอื่นๆ อีกมากมายกลับกลายเป็นตัวละครสมทบ มีไว้ประกอบบทนิดหน่อย ในขณะที่แก๊งใหม่ไม่ได้น่าสนใจหรือดูแล้วชอบคอมากขนาดนั้น ทำให้มนต์เสน่ห์มิตรภาพของเล่นในภาคนี้ดูจืดสุดๆ ที่สำคัญไม่ได้ร่วมมือกันออกผจญภัยอะไรเลย อยู่กับที่อยู่อย่างเดียว
เรื่องย่อ รีวิว Toy Story 4
สิ่งที่น่าเกลียดและให้อภัยไม่ได้เลยมากที่สุดในเรื่องก็คือ บัซ ไลท์เยียร์ รู้สึกเหมือนว่าคนเขียนบทจำอะไรเกี่ยวกับ Toy Story ไม่ได้เลยนอกจากเนื้อเรื่องครึ่งแรกของภาคแรก บัซภาคนี้โดนลดบทกลายเป็นตัวตลก ไม่ใช่คนมีแผนการมีความคิด โดนเปลี่ยนตัวละครเป็นของเล่นที่ไม่มีความลึกตื้นอะไรเลย เหมือนบัซที่เพิ่งออกมาจากกล่องของเล่นในภาคแรกเปี๊ยบ แค่รู้ว่าตัวเองเป็นของเล่นแค่นั้นแหละ
เปลี่ยนมาที่เรื่องงานเทคนิคสร้างกันบ้าง รีวิว Toy Story 4 ได้สั้นๆ เลยว่างานพากย์ดีมาก เพลงประกอบไพเราะ (ยกเว้นเพลงจบ ส่วนตัวไม่ชอบเลย) เจ๋งสุดคืองานกราฟิก อันนี้ขึ้นชื่อพิกซาร์อยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงเลย (รู้สึกภาคนี้ได้เห็นมนุษย์เยอะขึ้นมากกว่าภาคอื่นด้วย)
ที่เทพพอๆ กับกราฟิกคืออนิเมชันการเคลื่อนไหว อีกลายเซ็นของพิกซาร์เหมือนกัน แต่ที่ชอบมากก็คือเขาสามารถทำให้ของเล่นดูเป็นของเล่นได้ ตอนอยู่นิ่งต่อหน้าคนก็เป็นของเล่นหน้านิ่งๆ จริงๆ แต่พอกลับมาขยับเคลื่อนไหวแล้วไม่ดูประหลาดหรือแปลกตาเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว เป็นงานผสมผสานระหว่างโมเดลสามมิติ และอนิเมชันที่สุดๆ แล้ว ดูอนิเมะ
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของแฟรนไชส์นี้ และ ใน Toy Story 4 ด้วย ก็คือ คอนเซ็ปต์เนื้อเรื่อง ภาคแรกคือของเล่นใหม่ ภาคสองคือของเล่นพัง ภาคสามคือเจ้าของโตเลิกเล่น ภาคนี้ภาคที่สี่มีแกนเรื่องเป็นของเล่นที่ไม่เป็นที่ต้องการ คล้ายๆ กับของภาคสาม แค่ขยายความออกมา
“ซึ้ง” คือรีวิวของบทภาคนี้ เรื่องราวภาคสี่วนเวียนเกี่ยวกับของเล่นที่ไม่มีเด็กเป็นเจ้าของ ไม่มีเด็กต้องการ ตลอดทั้งเรื่องเราจะได้เห็นวู้ดดี้ โบ และ ของเล่นตัวอื่นๆ โหยหานึกถึงความหลังครั้งยังได้อยู่กับเด็กๆ ช่วงเวลาที่ได้สร้างความสุข และ คอยเฝ้าดูเขาเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ได้เห็นความยึดติดกับเป้าหมายของชีวิตการเป็นของเล่น ส่วนตัวที่ยังไม่เคยมีเด็กก็จะได้เห็นความพยายามดิ้นรนจะมีเด็กตลอดเวลา พอคิดตามแล้วก็เศร้าดี โชคดีที่โลกเราของเล่นไม่ได้มีชีวิตจริงๆ ไม่งั้นโลกจะน่าหดหู่กว่านี้เยอะ ดูอนิเมะออนไลน์
ความพยายามของวู้ดดี้ที่จะทำให้บอนนี่มีความสุขกับความไม่ต้องการเจ้าของของโบทำให้เนื้อเรื่องค่อยๆ เปิดเผย และ ดำเนินไปจนถึงตอนจบได้อย่างลื่นไหล นี่คือภาคที่ทำมาให้วู้ดดี้กับโบกลับมาพบกันโดยเฉพาะ ถ้าสามภาคแรกคือเรื่องราวของแอนดี้กับแก๊งวู้ดดี้ตั้งแต่ต้นจนจบ ภาคนี้ก็คือเรื่องราวของวู้ดดี้กับโบตั้งแต่ต้นจนจบ ประหนึ่งเป็นบทสรุปชีวิตความเป็นไปของพระเอกหลังจากที่ชีวิตบรรลุเป้าหมาย หาทางออกในชีวิตในฐานะของเล่น
จังหวะจะโคนความเศร้าหรือหดหู่ของเรื่องนี้มาเป็นพักๆ แบบได้จังหวะดี เหมือนเป็นช่วงพักเบรกจากช่วงอารมณ์ดีที่มีอยู่ตลอดเรื่อง เป็นช่วงคอยเตือนคนดูตลอดว่านี่คือเรื่องราวของวู้ดดี้ เพราะโดยเนื้อแท้แล้วคนดูไม่รู้สึกถึงความผูกพันของของเล่นกับบอนนี่เลย แต่กลับรู้สึกถึงความยึดติดของวู้ดดี้กับแอนดี้ซะมากกว่า ซึ่งหนังก็ไม่ได้คิดซ่อนตรงนี้แต่อย่างใด พอดูไปมันก็ชัดขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นที่วู้ดดี้พูดออกมาเอง เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่คนโตมากับ Toy Story ตั้งแต่ภาคแรกได้ยินแล้วโคตรสะเทือนใจ
นี่เป็นเรื่องราวความเป็นไปต่อจากภาค 3 ที่ถึงแม้จะไม่มีความจำเป็นเลยแต่ก็ไม่ได้เละเทะหรือไร้ค่า ตัวหนังมีแมสเซสหรือข้อคิดให้คนดูออกมาคิดตามนอกโรง หากแต่ว่าน่าเสียดาย นี่ไม่ใช่ Toy Story ที่เราเคยรู้จัก ตัวละครเก่าๆ กลายเป็นตัวประกอบที่ดูแทบจะไม่มีค่า เน้นวงตัวละครแคบเกินไป คือเน้นแต่วู้ดดี้กับโบ ขาดมนต์เสน่ห์แห่งมิตรภาพ ขาดฉาก และ เหตุการณ์ที่ว้าวติดตาตรึงใจ และ ด้วยการที่แก๊งของเล่นเก่าๆ แทบไม่ได้ออกเลย ตอนจบจึงขาดอิมแพคที่จะไปต่อกรกับตอนจบสุดแสนเพอร์เฟกต์แบบภาค 3 ได้ รีวิวการ์ตูน
เรื่องราวเริ่มต้นโดยย้อนเวลากลับไปเมื่อ 9 ปี ที่แล้วสมัยที่แก๊งวู้ดดี้ยังอยู่กับแอนดี้ ตอนนั้นฝนตกลมแรง วู้ดดี้เริ่มต้นพาพรรคพวกไปหาโบเพื่อปฏิบัติการบางอย่าง มีของเล่นหายไป รถแข่งอาร์ซีถูกลืมไว้ที่ร่องน้ำทิ้งในสนามหญ้าข้างบ้าน และ กำลังจะถูกน้ำฝนพัดพาหายไป วู้ดดี้ไม่รอช้ารีบร่วมมือกับสลิงกี้โหนตัวลงไปช่วยทันที
พอช่วย และ พาอาร์ซีกลับเข้าห้องได้ ก่อนที่วู้ดดี้ และ สลิงกี้จะได้กลับเข้าห้องหน้าต่างก็โดนปิดลง มีคนเข้ามาเก็บโบ และ แกะสามหัว (ภาคนี้มีชื่อแล้ว บิลลี่ โกท กรัฟฟ์) ในห้องใส่กล่องไป จะเอาไปขายต่อเพราะว่ามอลลี่น้องสาวของแอนดี้ไม่ต้องการของเล่นตัวเองอีกแล้ว
กล่องถูกนำไปวางไว้ใต้รถ วู้ดดี้รีบกระโดดตามลงไปช่วยทันที เขายังพอมีเวลาเพราะคนขับรถลืมกุญแจไว้ในบ้าน แต่เมื่อเปิดกล่องออกมา โบกับแกะของเธอไม่ยอมกลับไป เธอรู้ตัว และ ทำใจไว้แล้ว ของเล่นมีหน้าที่ทำให้เด็กมีความสุข และ ของเล่นที่เจ้าของไม่ต้องการอยู่ไปก็ไร้ความหมาย
วู้ดดี้รู้ซึ้งถึงข้อนี้ดี เขาทำอะไรไม่ได้ ต้องยอมปล่อยทั้งคู่ไป ทั้งสามบอกลากันก่อนที่คนขับรถจะมาหยิบกล่องใส่รถแล้วขับออกไปจนสุดสายตา แอนดี้ที่กำลังตามหาวู้ดดี้อยู่มาเจอของเล่นสุดโปรดนอนตากฝนอยู่ก็พาเขากลับเข้าบ้านไป จากนั้นหนังก็ให้เราดูแอนดี้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนมาจบอยู่ที่ฉากจบภาค 3 ที่เขาส่งต่อแก๊งของเล่นทั้งหมดให้บอนนี่
หลังจากนั้น 2 ปี แก๊งวู้ดดี้ และ ของเล่นเดิมของบอนนี่กำลังลุ้นอยู่ในตู้เก็บของ พวกเขาไปอยู่ในนั้นเพราะแม่บอนนี่ขึ้นมาเก็บทำความสะอาดห้อง พวกเขาลุ้นกันอยู่ว่าบอนนี่จะขึ้นมาเล่นกับใครหลังอาหารเช้า จนในที่สุดบอนนี่ก็เข้ามาที่ห้อง เธอเปิดตู้หยิบของเล่นออกไปเล่นเกือบหมด ยกเว้นแค่ไม่กี่ตัว รวมทั้งวู้ดดี้ เล่นได้สักพักก็ต้องเลิกเพราะวันนี้เธอต้องไปเตรียมอนุบาลเป็นวันแรก
บอนนี่ไม่หยิบวู้ดดี้ไปเล่นมาสามอาทิตย์ติดต่อกันแล้ว ทุกคนเป็นห่วงวู้ดดี้แต่เจ้าตัวก็ปากแข็งบอกว่าไม่เป็นอะไร วู้ดดี้รู้สึกว่าเขาน่าจะได้ไปโรงเรียนกับบอนนี่ด้วย เธอจะได้ไม่เหงา และ มีเพื่อนใหม่ได้ง่ายขึ้น สักพักบอนนี่กลับเข้ามาเพราะลืมกระเป๋า แต่เธอร้องไห้เพราะไม่อยากไปโรงเรียน วู้ดดี้ที่ยึดมั่นกับการทำให้เด็กของตัวเองมีความสุขมากๆ จึงตัดสินใจแอบติดกระเป๋าไปด้วย ทั้งๆ ที่โรงเรียนห้ามเอาของเล่นไป
ที่โรงเรียน วันนี้เป็นวิชาศิลปะ บอนนี่นั่งหงอยหลังห้องเข้ากับใครไม่ได้เลยแถมยังโดนเด็กคนอื่นแย่งสีไปอีก วู้ดดี้เห็นท่าไม่ดีจึงแอบไปคุ้ยสีกับขยะในถังขยะมาไว้ให้เธอบนโต๊ะ พอบอนนี่กลับมาเห็นจึงดีใจคิดว่ามีเพื่อนมาช่วย เธอสร้างของเล่นประดิษฐ์มือชิ้นหนึ่งขึ้นมา แล้วตั้งชื่อให้ว่าฟอร์กกี้ และ เขามีชีวิตขึ้นมาแล้ว