รีวิวการ์ตูน beauty and the beast
การ์ตูนดิสนีย์ ช่วงหลัง ๆ Walt Disney นำการ์ตูนในสังกัดมาทำเป็นภาพยนตร์ฉบับคนแสดงหลายต่อหลายเรื่อง เช่น Cinderella, Sleeping Beauty , The Jungle Book ล่าสุดก็เป็นคิวของ Beauty and the Beast หรือที่คนไทยหลายคนรู้จักกันในชื่อ โฉมงามกับเจ้าชายอสูร โดย Emma Watson เป็นโฉมงาม และ Dan Stevens เป็นอสูร
เรื่องราว beauty and the beast
รีวิวการ์ตูน beauty and the beast เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อเจ้าชายถูกสาปให้เป็นอสูร รวมถึงข้าทาสบริวารในปราสาทก็ถูกสาปให้เป็นข้าวของเครื่องใช้ตามคาแรกเตอร์และ identity ของแต่ละคน ตั้งแต่… Lumière เป็นที่วางเทียน, Cogsworth เป็นนาฬิกา, Plumette เป็นไม้ปัดขนนก, Madame de Garderobe เป็นตู้เสื้อผ้า, Maestro Cadenza เป็นเปียโน, เด็ก Chip เป็นถ้วยกาแฟ, และ Mrs. Potts เป็นกากาแฟ โดยเจ้าชายอสูรและเหล่าข้าไทจะกลับกลายเป็นคนดังเดิมได้ก็ต่อเมื่อเจ้าชายอสูรรู้จักรักแท้และหญิงสาวคนนั้นก็รักตอบก่อนที่กุหลาบวิเศษกลีบสุดท้ายจะร่วงโรย มิฉะนั้นพวกเขาจะต้องเป็นอย่างนี้ตลอดกาล
ห่างไกลจากปราสาทไปหน่อยนึงเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ หญิงสาวสวย Belle อาศัยอยู่กับ Maurice ผู้เป็นพ่อชาวบ้านมองว่า Belle เป็นคนแปลก เพราะเธอชอบอ่านหนังสือและไม่แต่งหน้าแต่งตัวแบบสาว ๆ ทั่วไป แต่เธอเป็นที่หมายปองของหนุ่มหล่อ Gaston ผู้ซึ่งภูมิใจในความเป็นชายของตนและหลงตัวเองเป็นที่หนึ่ง
วันหนึ่งพ่อของ Belle พลัดหลงเข้าไปในปราสาทต้องคำสาป ขากลับเขาจะเด็ดดอกกุหลาบกลับไปฝากลูกสาวเหมือนปกติ เจ้าชายอสูรเห็นเข้าก็โกรธมากที่ชายชรามาขโมยของในสวนของเขา และขังเขาไว้ในคุกใต้ดิน แล้วต่อมา Belle ก็มาเสียสละตัวเองเป็นนักโทษแทนผู้เป็นพ่อ จนรักกับเจ้าชายอสูรตามท้องเรื่อง ดูหนังฟรี
พล็อตของเรื่อง beauty and the beast
พล็อตโดยรวมของ beauty and the beast ภาษาอังกฤษ เวอร์ชั่น 2017 นี้ แทบจะเหมือน ๆ กับฉบับการ์ตูนเมื่อปี 1991 เพิ่มเติมคือเปลี่ยนคาแรกเตอร์ตัวละครสมทบบางตัวให้เป็นเกย์ เช่น LeFou มือขวาคนสนิทของ Gaston ตัวร้ายหน้าหล่อ ซึ่งประเด็นเกย์นี้เอง ทำให้รัสเซียกำลังพิจารณาไม่นำเข้าไปฉายในประเทศ รวมถึงมาเลเซียที่ต้องเลื่อนกำหนดฉายเพราะต้องเซ็นเซอร์ซีนเกย์กันก่อน
หลังจากจบการศึกษาจาก Hogwarts ดูเหมือน Emma Watson จะไปโดดเด่นเอาดีทางด้านการศึกษา ทางด้านสังคม และเพื่อสตรี กล่าวคือ เธอก็ตั้งอกตั้งใจจนเรียนจบ Brown University สมกับเป็น Hermione Granger ต่อมาเธอได้รับเลือกให้เป็น UN Women goodwill ambassador อีกทั้งยังขึ้นแท่นเป็น 1 ใน 100 ของผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ซึ่งจัดอันดับโดย Time
รีวิวการ์ตูน beauty and the beast
ส่วนทางด้านการแสดงนั้น ก็ต้องยอมรับว่าภาพยนตร์แต่ละเรื่องที่เธอเล่นนั้นไม่ค่อยปังสักเท่าไหร่ แต่แฟน ๆ ของ Emma Watson ก็ยังติดตามดูผลงานของเธออย่างต่อเนื่องอยู่ดี โดยเฉพาะเรื่องล่าสุดอย่าง Beauty and the Beast ซึ่งเป็นหนังใหญ่จากเทพนิยายชื่อดัง ณ ดิสนีย์แลนด์
โดยส่วนตัวเราก็ไม่เคยคาดหวังว่าหนังที่ Emma Watson จะเป็นหนังดี เพราะอย่างที่รู้กัน เธอไม่เน้นเล่นหนังดีหนังรางวัล แต่เธอเน้นรับบทตัวละครที่ถ่ายทอดความเป็นเธอ หรือไม่ก็ empower women
เราชอบตัวละคร Belle เป็นทุนเดิม Belle เป็นหนึ่งในนางเอกดิสนีย์ที่ไม่ได้เป็นเจ้าหญิงโดยกำเนิด ยิ่งพอเป็น Belle เวอร์ชั่น Emma Watson ที่มีความสวย ฉลาด และสตรอง คือฉันจะอ่านหนังสือ ฉันจะขี่ม้า ฉันจะคิดค้นนวัตกรรมเครื่องซักผ้า ฉันจะมีปากมีเสียง ฉันไม่ได้มีเป้าหมายในชีวิตที่จะมีผัวหล่อรวย ฉันไม่กลัวสิ่งใด ฯลฯ เราก็ยิ่งชอบ ช่วงซีนเปิดเรื่องที่ Belle ยังอยู่ในหมู่บ้านนี่ชอบเลยแหละ
อีกอย่าง Belle มันเหมือนตัว Emma เองจริงๆ ไม่ได้แสดง เช่น ฉากที่ Emma Watson ตาลุกวาวเป็นประกายที่เห็นห้องสมุดและชั้นหนังสือมากมาย นี่ Emma ชัดๆ พูดนัยนึงคือ Emma เหมือนเกิดมาเพื่อเป็น Belle และในขณะเดียวกันก็ใส่ความเป็นตัวเธอเองและความเป็น feminist ลงไปในตัว Belle ด้วย
แต่ถ้าไม่นับ Emma หรือตัวละครเฟมินิสต์อย่าง Belle ใน Beauty and the Beast (1991) ฉบับนี้แล้ว เราก็แทบหาสิ่งอื่น ๆ ที่เราชอบในหนังเรื่องนี้ไม่ค่อยเจอนัก ที่นึกออกตอนนี้คือเหล่าถ้วยโถโอชามหรือบริวารทั้งหลายเหล่านี้ของเจ้าชายอสูรที่น่ารัก พากย์สนุก เป็นสีสันให้กับเรื่อง โดยเฉพาะฉากสู้รบปรบมือกับพวกมนุษย์นี่มันส์พ่ะย่ะค่ะดี ส่วนเรื่องภาพนี่ก็สวยงามตามท้องเรื่อง เรื่องสามมิติก็พุ่งจริงหลายฉากอยู่ เรื่อง CG นี่ก็เนียนกริบตามมาตรฐานดิสนีย์อยู่แล้ว ไม่แปลกใจอะไร
รีวิวการ์ตูน beauty and the beast
รีวิว beauty and the beast แต่นอกเหนือจากที่กล่าวมา โดยรวมเราค่อนข้างเฉยๆ กับหนังเรื่องนี้ เราว่าหนังดำเนินเรื่องไม่ค่อยสนุก ช่วงร้องเพลงหลายเพลงก็น่าเบื่อ ฉากเต้นรำก็ไม่ได้ว้าวเคมีระหว่างโฉมงามกับเจ้าชายอสูรเราก็ไม่ค่อยอิน ตัวร้ายนี่ก็ร้ายแบบไร้มิติไม่มีเปลี่ยนแปลง
ส่วนหนึ่งเราก็ผิดเองที่เราคาดหวังไว้มากก่อนเข้าไปดูเราคาดหวังการตีความใหม่หรือเล่าเรื่องมุมมองใหม่ไม่มากก็น้อยอย่างที่ดิสนีย์เคยทำได้ดีใน Cinderella กับ Maleficent แต่พอเอาเข้าจริง Beauty and the Beast เขาไปทางเคารพต้นฉบับการ์ตูน 1991 เพิ่มเติมแค่ประเด็นเกย์นิดหน่อยและเพิ่มปูมหลังครอบครัวของโฉมงามกับเจ้าชายอสูรนิดหน่อย
เราว่าตัวละคร Belle มีความกล้า มีความ fearless นะแต่คนทำหนังเรื่องนี้เองมากกว่าที่ยังไม่กล้ามากพอที่จะขยี้ประเด็นที่เขาเองก็อยากเล่น
ย้ำอีกครั้งว่าเราผิดเองที่คาดหวังเราผิดเองที่คิดมากไปเพราะสำหรับเรา เรื่อง Beauty and the Beast ก็สัญลักษณ์ที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เช่น กุหลาบในเรื่อง แต่ละบริบทก็มีความหมายต่างๆนานาบ้างก็หมายถึงความรักบ้างก็หมายถึงภัยอันตรายจากความรักหรือกระจกวิเศษที่สะท้อนถึงความอ่อนแอหรือจุดอ่อนของผู้ใช้ แต่สุดท้ายหนังเขาไม่ขยี้บางจุดก็แทบไม่ให้ความสำคัญไปเลย ก็เป็นพร็อพๆหนึ่งของเรื่องไป
นอกจากนี้ หนังยังมีประเด็นมากมายที่น่าเล่นแต่เขาไม่ค่อยเล่นสงสัยมัวแต่ไปใส่ความเป็นเฟมินิสต์และเน้นความแตกต่างกับชาวบ้านให้บท Belle จนไม่ได้เน้นประเด็น identity ของพวกข้าทาสบริวารที่ถูก tranform เป็นสิ่งของเครื่องใช้แต่ตรงนี้ก็ยังดีนะที่หนังพยายามใส่ความเป็นมนุษย์ให้ตัวละครเหล่านี้มากขึ้นแต่ส่วนหนึ่ง ณ ตรงนี้ก็ขอชื่นชมคนพากย์ด้วย
ส่วนประเด็น “อย่าตัดสินใครที่ภายนอก / อย่ารักใครที่รูปร่างหน้าตา” ที่เหมือนจะเป็นประเด็นที่เด่นที่สุดอันหนึ่งของเรื่อง หนังก็ทำออกมาได้คงมาตรฐานทั่วไป ซึ่งอันนี้ก็ไม่ได้ติดใจอะไรคิดซะว่าอย่างน้อยก็ยังเอาไปดูไปด้วยสอนเด็กไปด้วยได้อะไรได้
สรุปโดยรวม beauty and the beast
โดยสรุป ถ้าไปดู beauty and the beast ดูฟรี เพลินๆ ชนิดไม่คาดหวังว่ามันจะต้องตีความใหม่หรือถ่ายทอดอะไรที่โตไปกว่าการ์ตูน มันก็ดูได้เพลินๆไม่แย่ ภาพสวย เพลงเพราะ ดูสนุกได้ตามมาตรฐานดิสนีย์ คือเหมาะเป็นหนังครอบครัวหรรษาทั่วไป ที่แน่ๆ ผู้หญิงแนวฟรุ้งฟริ้งยูนิคอร์น ใครที่ชอบดูอะไรสไตล์ดิสนีย์ออริจินัลหรือเป็นติ่ง Emma Watson น่าจะชอบถึงขั้นชอบมาก
แต่สำหรับเรา นอกจาก BelleหรือEmma Watson แล้ว เราบอกตรงๆ เลยว่าหนังเรื่องนี้ไม่ใช่แนวของเรา คะแนนตามความชอบส่วนตัว 7/10 beauty and the beast พากย์ไทย ใคร