รีวิวการ์ตูน mulan
ย้อนกลับไปปี 1998 ดิสนีย์ได้พยายามเจาะตลาดเอเซียด้วยแอนิเมชันที่หยิบตำนานวีรสตรีของจีนอย่าง ฮัวมู่หลาน มาดัดแปลงจัดแต่งมันภายใต้รูปแบบดิสนีย์นิยมที่มาเต็มทั้งสัตว์พูดได้ มุกตลกแบบการ์ตูนและความเวียร์ดถึงขั้นมีมังกรที่รูปร่างเหมือนกิ้งก่าพูดได้มาคอยเป็นผู้ช่วยของมู่หลาน ซึ่งแน่นอนล่ะว่ามันก็สร้างความไม่พอใจกับคนจีนจนล้มเหลวด้านรายได้ตอนออกฉาย
แต่สำหรับตลาดแอนิเมชันโลกโดยเฉพาะเอเซียมันกลับสร้างความนิยมให้กับเด็ก ๆ ในยุคนั้น ลามไปถึงปรากฎการณ์สำคัญคือมันได้กลาย “การ์ตูนตัวแม่” สำหรับบรรดากะเทยด้วยเพลง Reflection ที่ส่งเหลือเกินกับเนื้อหาการปิดบังตัวตน และพลอยส่งให้ชื่อของคริสตินา อากีเลราดังเป็นพลุแตกในฐานะคนร้องเพลงนี้ (และแม่ของเหล่ากะเทย) และสำหรับผมเองความทรงจำเดียวที่มีต่อ MULAN เวอร์ชันนั้นก็แค่เพลงนี้นี่แหละครับ 555
เรื่องย่อ mulan
ในสังคมของ รีวิวการ์ตูน mulan (Yifei Liu จาก The Forbidden Kingdom) เธอถูกคาดหวังให้เป็นแม่ศรีเรือน เรียบร้อย อ่อนโยน และออกเหย้าออกเรือนเพื่อเป็นเกียรติเป็นศรีแก่วงศ์ตระกูล เมื่อเธอโตขึ้น เธอต้องจำใจไปหาแม่สื่อประจำหมู่บ้านให้อบรมพื้นฐานการเป็นแม่ศรีเรือนและจัดหาคู่ที่เหมาะสมให้
ในขณะเดียวกัน เมืองจีนก็กำลังก้าวเข้าสู่สงคราม เมื่อ Böri Khan (Jason Scott Lee จาก Dragon: The Bruce Lee Story) นำทัพมุ่งหน้ามายึดเมืองหลวง โดยนอกจาก Böri Khan จะมีทหารในกองทัพจำนวนมากแล้ว ยังมีแม่มด Xianniang (Li Gong จาก Memoirs of a Geisha) เป็นสมุนมือขวาอีกด้วย Emperor (Jet Li จาก Fearless) จึงมีบัญชาให้ทุกครอบครัวต้องส่งผู้ชาย 1 คนไปร่วมรบ แต่ Zhou พ่อของ Mulan (Tzi Ma จาก The Farewell) มีแต่ลูกสาว เขาจึงต้องกลับไปรบอีกครั้ง แต่ Mulan เห็นว่าพ่อแก่แล้วและขาเสียมาตั้งแต่สงครามครั้งก่อน ถ้าต้องไปรบอีก ก็ไม่รอดแน่นอน เธอจึงแอบปลอมตัวเป็นผู้ชาย ขโมยดาบ ชุดเกราะ และหมายเรียกของพ่อ ขี่ม้ามุ่งหน้าไปเข้าค่ายทหารเอง
ที่ค่าย เธอได้อยู่ในหน่วยของ Commander Tung (Donnie Yen จาก Ip Man) และได้เป็นเพื่อนกับ. Honghui (Yoson An), Cricket (Jun Yu), ฯลฯ เธอไม่ได้รู้สึกเหนื่อยหรือยากลำบากกับการฝึกซ้อม หากแต่ประสบความยากลำบากในการปกปิดพลัง ความสามารถ และตัวตนของเธอท่ามกลางหมู่ชายล้วน เพราะถ้าถูกจับได้ว่าเป็นหญิง เธอคงถูกขับไล่. หรืออาจถูกลงโทษประหารชีวิตก็เป็นได้ เว็บดูอนิเมะ,ดูอนิเมะ
mulan ฉบับคนแสดง
แต่กระนั้นในปี 2020 นี้ ดิสนีย์คงตระหนักได้จากการทดลองเอาของเก่ามาหากิน เอ้ย ! ดัดแปลงแอนิเมชันให้กลายเป๋็นหนังคนแสดงหรือเรียกหรู ๆ ว่าไลฟ์แอ็กชัน (Live Action) ทั้ง The Jungle Book, Aladdin และ The Lion King โกยเงินเข้ากระเป๋าได้แบบไม่ต้องคิดเยอะเลยว่าแอนิเมชันอย่าง MULAN เองก็ไม่ยากนี่หว่าที่จะเอามาทำเป็นหนังคนแสดงเรื่องต่อไปแต่อนิจจาตัวหนังก็ดันสร้างประวัติศาสตร์ในตัวมันเองแบบไม่ตั้งใจเสียด้วย ทั้งหลิวอี้เฟยที่ออกมาโพสต์สนับสนุนให้ตำรวจใช้ความรุนแรงกับผู้ประท้วงในฮ่องกงจนเกิดกระแสแบนหนังในประเทศต่าง ๆ และการตัดสินใจของดิสนีย์ที่เอาหนังลงสตรีมมิงแทนการออกฉายที่อเมริกา
กลับมาที่หนังกันดีกว่า..แน่นอนว่า MULAN ตามชื่อเรื่องก็คือฮัวมู่หลาน(หลิวอี้เฟย)ที่ลอบปลอมตัวเป็นชายออกรบแทนฮัวโจว(จื่อมา)บิดาแก่ชราในศึกเพื่อปกป้องประเทศและราชบัลลังก์ของฮ่องเต้ (เจ็ตลี หรือ หลี่เหลียนเจี๋ย)จากบอริข่าน(เจสัน สก็อต ลี)ที่มีเซียนเหนียง (กงลี่) แม่มดอาคมแก่กล้าที่สามารถแปลงร่างเป็นเหยี่ยวดำที่กรีฑาทัพไปที่ใดก็มีแต่ความตาย จนมู่หลานและเหล่าทหารภายใต้การฝึกของผู้การถัง(ดอนนี เยนหรือเจิ้งจือตัน) ต้องต้านทัพของศัตรูตัวฉกาจก่อนจีนจะสิ้นแผ่นดิน
รีวิวการ์ตูน mulan
จากตัวอย่างหนังเราคงพอได้เห็นแล้วว่าฉบับไลฟ์แอ็กชันนี้จะเน้นความสมจริงและการออกแบบฉากต่อสู้ให้ดูตื่นตาและไม่ทิ้งความแฟนตาซีเพื่อความตื่นใจ แต่การหยิบเอาตำนานจีนที่เป็นที่รู้จักกลับมาเล่าโดยมีโจทย์ค้ำคอคือต้องคงโทนแบบดิสนีย์อยู่ก็นับว่าท้าท้ายทีมงานไม่น้อยโดยเฉพาะทีมเขียนบท 1 ชาย 3 หญิงที่ไม่ได้มีเชื่อสายจีนเลยสักคน ซึ่งผลลัพธ์ก็น่าทึ่งไม่น้อยเลยกับการถักทอและพาเรื่องราวของมู่หลานมาไกลกว่าฉบับแอนิเมชันมาก ๆ
โดยคงไว้ซึ่งฉากสำคัญ ๆ ของฉบับแอนิเมชันแต่นำมาตีความใหม่ให้เหมาะกับฉบับหนังซึ่งส่วนตัวมองว่าดีกว่าการตามการ์ตูนจนเป๋เหมือน The Lion King ที่ผ่านมาซึ่งตัวหนังเปลี่ยนรายละเอียดทั้งชื่อตัวละครตัดประเด็นโรแมนติกระหว่างมู่หลานกับนายกองออก และแน่นอนตัดมูซูมังกรแดงพูดได้ออก ยังมีคิวบู๊ที่น่าประทับใจประหนึ่งทีมสตันท์ได้ดูเดชคัมภีร์เทวดาของเฉินเสี่ยวตงแล้วมาลองเล่นกันดูเพราะมันทั้งพิสดารและชวนตื่นตาจนมู่หลานฉบับนี้ไม่ต่างจากหนังกำลังภายใน ที่สำคัญบทหนังยังปูพื้นวัฒนธรรมจีนได้อย่างเข้าอกเข้าใจและไม่ขัดความรู้สึกผมในฐานะที่มีเชื้อสายจีนคนหนึ่ง มู่หลาน พากย์ไทย ใบเฟิร์น
โดยเฉพาะการสำรวจผู้หญิงในวัฒนธรรมจีนที่เกียรติยศสูงสุดต่อครอบครัวคือการออกเรือนซึ่งแม้จุดนี้ฉบับแอนิเมชันจะมีการเอ่ยถึงมาแล้วแต่สำหรับฉบับหนังก็มีการเพิ่มรายละเอียดที่น่าสนใจโดยเฉพาะการเปิดเรื่องที่มู่หลานตอนเด็กกำลังวิ่งไล่จับไก่และเผลอแสดงลมปราณออกมาจนพ่อต้องขอให้เธอเก็บพลังของเธอไว้เป็นความลับเพื่อให้เติบโตในฐานะบุตรีที่จะออกเรือนกับชายหนุ่มในอนาคต
ซึ่งถือเป็นการสร้างซีนเปิดเรื่องที่ชาญฉลาดอย่างยิ่งและตลอดเรื่องก็จะมีประโยคที่เธอถูกพูดใส่ตลอดนั่นคือ Know Your Place หรือ การวางตนให้เหมาะสมซึ่งเป็นกรอบธรรมเนียมวัฒนธรรมจีนที่กดผู้หญิงให้ไม่มีทางเลือกในชีวิตมากนักและในขณะเดียวกันซีนเปิดเรื่องนี้ยังช่วยอุดรูรั่วให้กับประเด็นความเก่งกาจของมู่หลานในฉบับหนังที่ไร้ซึ่งมังกรแดงพูดได้อย่างมูซูมาช่วย (แต่มีนกฟีนิกซ์ประจำตระกูลที่บินโฉบมาจากไหนไม่รู้แทน 555)
กระนั้นแล้วก็ใช่ว่าตัวหนังจะเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดหรือมาการเมืองจ๋านะครับตรงกันข้ามเลยเพราะแม้งานกำกับของนิกิ คาโรจะยังคงความเฟมินิสต์เหมือนหนังชิงออสการ์ของเธอทั้ง Whale Rider (2002) และ North Country (2005) จนทำให้มู่หลานเวอร์ชันนี้มีคาแรกเตอร์ที่ดูแข็งแรงและเปี่ยมพลังหญิงแค่ไหนก็ตาม แต่เธอก็ยังคงทำให้หนังอยู่ในบล็อกของดิสนีย์ได้อย่างไม่ขัดเขินแถมยังทำให้หน้าหนังที่คนจีนมาพูดฝรั่งเรื่องนี้รอดจากความเสร่อได้อย่างไม่น่าเชื่อ
โดยเฉพาะการเน้นย้ำประเด็นที่อยู่ในบทอย่าง Royal Brave and True หรือความภักดี หาญกล้าและสัตย์จริง โดย นิกิ คาโร สามารถตีความมันมาเล่าเรื่องราวการเปลี่ยนผ่านของมู่หลานได้อย่างหนักแน่นโดยเฉพาะการแสดงของหลิวอี้เฟยที่เชื่อว่าน่าจะถูกกำกับอย่างหนักหน่วงจนบทดราม่าและซีนบู๊ดูไม่ขัดเขินเลย ที่สำคัญคือฉากแอ็กชันในหนังดูแล้วแทบไม่เชื่อว่ามาจากทั้งผู้กำกับหญิงอย่าง นิกิ คาโร และ ตากล้องหญิงอย่าง แมนดี วอล์กเกอร์ เพราะออกมาตื่นตาตื่นใจมากใครเป็นคอหนังกำลังภายในนี่มีฟินแน่นอน
รีวิวการ์ตูน mulan
รีวิวการ์ตูน mulan และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คืองานดนตรีประกอบโดย แฮรี เกร็กสัน วิลเลียมส์ ที่ใช้การตีความจากหนังมาทำเพลงได้อย่างยอดเยี่ยม น่าจะเป็นหนึ่งในสกอร์ที่ดีที่สุดของปีนี้ได้เลย และโดยเฉพาะโจทย์นึงที่แฟน ๆ ของ MULAN คิดว่าพลาดไม่ได้อย่างการตีความเพลง Reflection ให้ออกมาต่างจากแบบมิวสิคัลเหมือนในแอนิเมชัน ก็บอกเลยว่าสกอร์ของเขาเมื่อปรากฎในจังหวะหนังที่ใช่มันทรงพลังมากๆ ครับรับรองไม่ผิดหวัง
ทิ้งท้ายรีวิวคงไม่มีอะไรมากนอกจากรู้สึกว่าเมืองไทยโชคดีมากที่ดิสนีย์ประเทศไทยตัดสินใจเอาหนังเข้าฉายโรงเพราะตัวหนังถูกออกแบบมาให้ดูในโรงจริง ๆ ที่สำคัญคือหนังเองก็รวมดาราเอเซียคนสำคัญไว้นอกจากหลิวอี้เฟยแล้วก็ยัง เจิ้งจือตัน หรือ ดอนนี่ เยน ที่ดังจากหนังปรมาจารย์ยิป มัน หรือจะเป็น กงลี่ สาวสวยสองพันปีในบทแม่มดที่ปังมากฟาดมาก และที่โดนใจเด็กยุค 90s มากแต่อาจต้องขยี้ตาหน่อยคือการปรากฎตัวของ หลี่เหลียนเจี๋ย หรือ เจ็ต ลี ในบทฮ่องเต้ที่หน้าตาดูชราไปเยอะแต่ยังคงรัศมีดาราใหญ่อยู่ สรุปง่าย ๆ คือ MULAN ไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ ครับ
วิเคราะห์การ์ตูน mulan (2020)
เราไม่เคยฟัง/อ่านตำนาน มู่หลาน การ์ตูน แบบดั้งเดิมของจีน แต่เคยดูเวอร์ชั่นแอนิเมชั่น (1998) จึงพอบอกได้ว่า เส้นเรื่องหลักของ MULAN (2020) ไม่ได้แตกต่างจากฉบับแอนิเมชั่นมากนัก แต่กระนั้นก็มีเส้นเรื่องย่อยหรือดีเทลที่ไม่เหมือนกันบ้าง
แน่นอนว่า การเพิ่มลดตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงภาพยนตร์ที่มีแฟนหลงรักทั่วโลกย่อมมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย พอใจหรือไม่พอใจ อย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่การเดินรอยตามต้นฉบับโดยไม่ปรับเปลี่ยนใดใดเลย ทั้งที่บริบททางสังคมและเวลาเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกวัน ก็คงไม่ดีอีกเช่นกัน และเราว่าการปรับเปลี่ยนบทของ มู่หลาน เรื่องจริง มันก็ไม่ได้แย่และก็ตั้งอยู่บนความสมเหตุสมผล
มู่หลาน 2020 ถือว่าล้ำมากแล้วสำหรับยุคนั้น กล่าวคือ ตัวเอกเป็นผู้หญิงเอเชียและไม่ใช่เจ้าหญิง ธีมของหนังก็สื่อประเด็น feminist อย่างชัดเจน อย่างไรก็ดี พอมา MULAN (2020) เราคิดว่า ประเด็น feminist ก็ยังคงคงอยู่อย่างเข้มข้น และเหมือนจะชัดเจนกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำเมื่อผ่านการแสดงทางสีหน้า แววตา และอวัจนภาษาต่าง ๆ ของนักแสดงที่สื่ออารมณ์ความรู้สึกอย่างยอดเยี่ยม